รูปธรรมที่สอดคล้องกับนโยยบายเพิ่มสัดส่วนผู้เรียนในสายอาชีวศึกษา และนโยบายเรื่องการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ (Moderate Class More Knowledge) ของกระทรวงศึกษาธิการ คือการประกาศจังหวัดชลบุรี เรื่อง หลักสูตรการจัดการศึกษาเพื่อการมีงานทำของจังหวัดชลบุรี พุทธศักราช 2559 ลงนามโดย นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี
เมื่อนโยบายการศึกษาระดับท้องถิ่นมาควบที่ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะ ประธานคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) อย่าง คมสัน เอกชัย ผจว.จังหวัดชลบุรี คิดอย่างไร
“รัฐบาลชุดนี้เห็นว่าปัญหาของการศึกษาแก้ไม่ได้ด้วยกระทรวงศึกษาธิการ ...แก้กันมาหลายยุคหลายสมัยยิ่งแก้ก็ยิ่งยุ่ง...ด้วยความเคารพ ไม่ได้ก้าวล่วงกระทรวงศึกษาธิการ แต่ผมเห็นว่าแก้ไม่ได้สัก กี่รัฐบาลมาแล้ว แต่ด้วยความมุ่งมั่นความตั้งใจของนายกรัฐมนตรี และพลเอกดาว์พงษ์ ต้องการให้การจัดอันดับของประเทศไทยเรื่องคุณภาพการศึกษานั้นให้สูงขึ้น
เพราะภาพรวมในการประเมินผลแต่ละปี ของแต่ละหน่วยงานตกต่ำลงเรื่อย ๆ ในอาเซียน เป็นภาพลักษณ์ที่เกิดความเสียหายระยะยาวท่านคงแก้ปัญหาตรงนี้ ก็เลยกลับมาใช้แนวคิดเดิมในผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน กศจ. จะได้ร่วมกันคิดร่วมกันทำร่วมกันรับผิดชอบ ก็จะได้เกิดเอกภาพ ก็กำหนดยุทธศาสตร์ดูแลการศึกษาแต่ละจังหวัดนั้นให้ไปในแนวทางเดียวกันสอดคล้องกัน”
เบื้องหลังนโยบายการศึกษาเพื่อการมีงานทำ
เมื่อภาระด้านการศึกษาเป็นอีกหนึ่งงานในตำแหน่งผู้ว่าฯ คมสัน เอกชัย ด้วยเป็นชาวชลบุรี พื้นฐานการศึกษาก่อนเข้าเรียนด้านรัฐศาสตร์ เป็นนักปกครองท่านคือนักเรียนสาขาช่างเชื่อม วิทยาลัยเทคนิคชลบุรี
ดังนั้นความเข้าใจกับความหมายการศึกษาเพื่อการมีงานทำได้ดี...และเข้าใจนักเรียนอาชีวศึกษาได้ดี
“...ส่วนใหญ่คนจะส่งลูกเรียน ม.5-6 หรือ ม.7-8 สมัยก่อนก็จะไปเอ็นทรานซ์ ก็มองเด็กอาชีวศึกษาว่ากลายเป็น...ถ้าเป็นสินค้าก็เป็นสินค้าเหลือเลือก ถ้าเป็นผลไม้ก็ถูกคัดเกรด เป็นเกรด B เกรด C ไม่ถูกเลือก”
แต่การไปเรียนอาชีวะ ได้อะไรมากกว่าที่คิด
“ส่วนใหญ่คนเขาไม่รู้ว่าเข้าไปเรียนอาชีวศึกษาจริง ๆ โรงเรียนอาชีวะสอนให้เด็กอาชีวศึกษาคิดเป็นวางแผนในการทำงานการคิดงาน แต่ละชิ้นคิดงานต้องดีไซน์ต้องออกแบบ มีขั้นตอนมีกระบวนการทำงาน แล้วก็ต้องมีคามอดทน ทำก็ต้องทำให้ละเอียดปราณีต ชิ้นงานออกมาก็จะได้ละเอียดสวยงาม การเรียนการสอนแต่ละครั้ง ครูอาจจะตั้งใจมากเกินไป อาจจะพูดไม่สุภาพ ไม่ไพเราะบ้างก็ตามประสานเด็กช่างกล
แต่คุณสมบัติของเด็กอาชีวศึกษาคือต้องอดทน ...การเอาเหล็กแท่งหนึ่งมาตะไบ มาฝนให้เป็นรูปโน่นรูปนี่ กว่าจะตะไบได้นี่เหงื่อโทรมกาย ตะไบกันเป็นเดือน ๆ บางคนตะไบเสร็จแล้วก็ไม่ผ่าน ต้องตะไบใหม่ ถ้าคนไม่มีความอดทนทำไม่ได้หรอก...จำเป็นต้องฝึกบ้างครั้งทำจนมือแตกเลย บ้างก็ปีนหลังคา ซ่อมหลังคา ต้องปีนได้ ขึ้นไปที่สูงได้ จิตใจต้องถือว่าเข้มแข็งแล้วก็กล้าหาญพอสมควรฝึกงานกลางแจ้งได้
ผมถูกฝึกให้ทำงานกลางแจ้งได้ตากแดดได้ ตากฝนได้ แล้วก็รักกันช่วยเหลือกัน ทำงานเป็นกลุ่มทำงานเป็นทีม อันนี้เป็นลักษณะนิสัยของคนอาชีวศึกษา ซึ่งก็ติดตัวมาโดยไม่รู้ตัว
...รุ่นผมนี่เข้าเรียน 31 คน พอขึ้นปี 3 หายไปจนไปเหลือแค่ 14 คน ที่จบการศึกษาระดับ ปวช.”
ด้วยบุคลิกกว้างขวาง ชอบช่วยเหลือผู้อื่น เส้นทางนักเรียนอาชีวะเปลี่ยนไป ขณะที่เพื่อนร่วมห้องมีเส้นทางการทำงานในวิชาชีพที่ดี
“จุดเปลี่ยนที่เกิดขึ้นกับตัวผมช่วงที่เรียนอยู่นี่ได้รับความไว้วางใจจากเพื่อนนักเรียนให้ผมเป็นประธานนักเรียน เป็นผู้นำนักเรียน อาจจะเป็นเพราะว่าผมรู้จักเพื่อนในโรงเรียนที่เป็นนักเรียนทุกระดับ เรียนปี 1 ก็มีเพื่อนปี 2-3 ก็รู้จักกันหมด ...ผมเป็นประธานนักเรียนเพื่อจะได้ดูแลนักเรียนทั้งโรงเรียนได้ เป็นตัวแทนของนักเรียน ช่วยเหลือครูบาอาจารย์ช่วยดูแลเพื่อนนักเรียนเรื่องความประพฤติ อะไรต่าง ๆ นำนักเรียนไปในแนวทางที่ถูกต้องเหมาะสม
...และมีโอกาสทำงานด้านสังคมเรื่องกิจกรรมการศึกษาของนักเรียนทำให้มีประสบการณ์ จริง ๆ แล้วการที่ได้สัมผัสกับหน่วยงานราชการ ที่ว่าการอำเภอ กับปลัดอำเภอนี่ กับเทศบาล ก็เลยมีความคิดว่าถ้าเรารับราชการเป็นปลัดอำเภอนี่เราก็จะมีโอกาสช่วยเหลือประชาชนได้มาก ใครเดือดร้อนอะไรเราก็ช่วยได้
ซึ่งเมื่อเอาดำรงตำแหน่งจริง ๆ เราก็สามารถใช้อำนาจหน้าที่ของเราบทบาทของเรา ที่มีอยู่ในการช่วยเหลือประชาชนได้ ให้ความเป็นธรรมกับเขาได้ ก็ช่วยทำให้ภาพลักษณ์ของราชการดีขึ้น ก็เลยเป็นจุดเปลี่ยนตรงนี้”
หลักสูตรการจัดการศึกษาเพื่อการมีงานทำ
คือเพิ่มศักยภาพปลูกฝังวิชาชีพแก่ผู้เรียน
แต่เมื่อมีชื่อ คมสัน เอกชัย เป็นพ่อเมืองความเปลี่ยนแปลงด้านการศึกษาในจังหวัดชลบุรีก็เกิดขึ้น กับแนวคิดในการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่ (Area-Based Education) เป็นหนึ่งในนโยบายที่ตอบสนองความต้องการของรัฐบาล และกระทรวงศึกษาธิการ ในการเพิ่มศักยภาพผู้เรียนให้สอดคล้องกับความต้องการของบริบทในพื้นที่ โดยเปิดโอกาสให้คนในพื้นที่ร่วมคิดและร่วมกันกำหนดทิศทางและความต้องการในการจัดการศึกษาแก่เด็กและเยาวชนได้เอง จึงเป็นที่มาของการจัดตั้ง “คณะกรรมการจังหวัดปฏิรูปการเรียนรู้จังหวัดชลบุรี” ขึ้น ประกอบด้วยคณะทำงาน 5 คณะ ได้แก่ 1) คณะทำข้อมูลจังหวัด 2) คณะทำแผนยุทธศาสตร์ 3) คณะจัดทำหลักสูตร 4) คณะนิเทศติดตาม และ 5) คณะรณรงค์สื่อสาร โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีเป็นประธาน
ผู้ว่าฯ คมสัน ลงรายละเอียดเพิ่มเติมว่า “เมื่อวิเคราะห์ถึงรายได้หลักของจังหวัดชลบุรีที่มาจากภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรม แต่สภาพความเป็นจริงกลับพบว่า จังหวัดชลบุรีขาดแคลนแรงงานทั้งในระดับกลางและสูงมากถึง 248,862 คนต่อปี โดยกว่าร้อยละ 80 ต้องการแรงงานช่างฝีมือในระดับ ปวช.และ ปวส. และต้องการแรงงานในระดับปริญญาตรีเพียงร้อยละ 11 ฉะนั้นเพื่อนำไปสู่การจัดการศึกษาเพื่อการมีงานทำเพื่อตอบโจทย์เด็กเยาวชนจังหวัดชลบุรี
คณะกรรมการฯดังกล่าวจึงร่วมกันจัดทำหลักสูตรการเตรียมความพร้อมของเด็กเยาวชนในทุกระดับชั้นตั้งแต่ระดับปฐมวัย ถึงอุดมศึกษา โดยมีเป้าหมายเพื่อให้โรงเรียนนำไปใช้ได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพในทุกช่วงชั้น ภายใต้ “ชลบุรีโมเดล” (CHONBURI Model) จึงมุ่งเน้นการเตรียมพร้อมผู้เรียนมีคุณลักษณะนิสัยอุตสาหกรรมในทุกระดับ ชั้นเพื่อเตรียมความพร้อมเด็กเยาวชนเข้าสู่การประกอบอาชีพในภาคอุตสาหกรรมได้อย่างมีคุณภาพ”
แต่อย่างไรก็ตาม เหตุผลประการสำคัญของสร้างหลักสูตรนี้ขึ้นมาก็เพื่อ เพิ่มศักยภาพด้านการประกอบอาชีพให้ผู้เรียน
“ผมไม่ได้เน้นเรื่องอาชีวศึกษา และเน้นอุตสาหกรรมอย่างเดียว ใครมีความสามารถด้านศิลปะใครมีความสามารถทางด้านดนตรี ใครมีความสามารถด้านการแสดง ก็สามารถมีงานทำได้ ใครมีความสามารถด้านการทำขนม ทำอาหาร ซึ่งจังหวัดชลบุรีมีร้านอาหาร สามารถรับรองผู้มีความสามารถในแต่ละด้านได้ หรือจากการเป็นพนักงานในห้างร้านในนิติบุคคลแล้วก็ผันตัวเองมาเป็นเจ้าของกิจการเองได้ เริ่มเป็น SME เป็น starup ตามนโยบายรัฐบาล คือไม่ต้องเน้นว่าต้องมาเรียนอาชีวศึกษา คือเรียนมาแล้วให้มีงานทำ ให้เป็นรายได้ไม่เป็นภาระต่อสังคม”
ดร.วรรณา ตันประภัสร์ วิทยาลัยเทคโนโลยีชลบุรี เลขานุการคณะทำงานชุดคณะกรรมการการจัดทำหลักสูตรระดับอาชีวศึกษา ให้ความเห็นสอดรับกับนโยบาย
“ดิฉันมองว่ามันสอดคล้องกับบริบททางการศึกษา ในเรื่องการปฏิรูปการศึกษาโดยใช้จังหวัดเป็นฐาน ตามชื่อโครงการ เราก็มาวิเคราะห์บริบทของจังหวัดชลบุรี อย่างที่บอกไปแล้วว่าชลบุรีเป็นเมืองอุตสาหกรรม มีนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งมาก แล้วก็ยังเป็นเรื่องของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ในเรื่องของโลจิสติก ซึ่งมีความจำเป็นอนาคตต่อไป ส่วนของวิทยาลัยเราก็เน้นวิชาการใหม่ ๆ ยังในเรื่องของรถไฟระบบรางซึ่งตอนนี้ เราก็มีส่วนในการเปิดหลักสูตรส่งครูไป เตรียมการอบรมในการเตรียมการเปิดสอนในปีการศึกษา 2559 นี้
...ก็คิดว่าตรงประเด็นเลยในการที่มีแนวทางการจัดการศึกษาในเรื่องการจัดการศึกษาเพื่อการมีงานทำโดยเฉพาะเรื่องอาชีวศึกษาตอบได้ตรงประเด็นดิฉันคิดว่าน่าจะสอดคล้อง
มีตัวอย่างที่เป็นบริบทน่าสนใจที่ผ่านมาก็ได้มีโอกาสไปศึกษาดูงานที่ญี่ปุ่นมองเห็นนโยบายการเตรียมคนดิฉันว่าการที่ถ้าเราจะพัฒนาประเทศ ถ้าเรามีคนที่คุณภาพ จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะให้เจริญก้าวหน้า ตรงนี้คิดว่าเป็นงานที่ท้าทายมีส่วนช่วยประเทศได้ในการผลิตกำลังคน ในส่วนที่เรารับผิดชอบ เพราะฉะนั้นตรงนี้ทำอย่างไรที่เราจะผลิตกำลังคนที่มีคุณภาพเราคงไม่สามารถสร้างทั้งหมดแต่เราฐานะเปนนัการศึกษาให้ความรู้มาเพื่อผลิตกำลังคนอาชีวศึกษา”
เรียกร้องขอคนการศึกษามีทัศนคติ
เพื่อร่วมพัฒนาการศึกษาชาติ
เมื่อมารับผิดนโยบายการศึกษาด้วยแล้ว ข้อเรียกร้องโดยรวมของ ประธาน กศจ.จังหวัดชลบุรี คือ
“ขณะนี้ผู้อำนวยการพื้นที่ประถมศึกษาทั้งที่ 3 เขต และผู้อำนวยการเขตพื้นที่มัธยมศึกษาไม่สามารถทำให้ประสบผลสำเร็จได้ ถ้าผู้บริหารโรงเรียน ทุกแห่งและครูบาอาจารย์ ที่มีส่วนร่วมและมีความรับผิดชอบ ไม่ให้ความร่วมมือกับภาคเอกชน ที่จะได้เป็นตัวขับเคลื่อน ให้เกิดเคลื่อนตัวไป สู่เป้าหมายในการให้ความรู้ไปสู่นักเรียน พ่อแม่ ผู้ปกครองว่าเราเน้นส่งบุตรหลานให้เรียน ค้นหาให้นักเรียนแต่ละคนว่ามีเขามีศักยภาพด้านไหน มีความสามารถ เขามีพรสวรรค์ด้านไหน เพื่อดังศักยภาพเขาเข้ามาแล้วก็ตอบสนอง การทำงานสถานประกอบการต่าง ๆ
....ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญ ความร่วมมือและความสำเร็จอยู่ที่ครูอาจารย์ด้วย มองบริบทสังคมออก เลิกคิดแนวคิดเดิม ๆ ว่า ต้องส่งลูกเรียนจบปริญญาก็เจอปัญหาเดิม ๆ ทั้ง ๆ ที่เด็กเองเขาอาจมีศักยภาพความสามารถด้านอื่น ๆ ซึ่งก็ทราบแล้วว่าการเรียนจบปริญญาตรี ด้านสังคมศาสตร์จบแล้วไม่มีงานทำ หรือทำงานไม่ตรงกับสาขาที่เราเรียนมา หรือว่างงานไปเลยมีอีกมากมาย เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจเกิดความสูญเปล่าด้านการศึกษา พ่อแม่ก็เสียเงินเปล่าประโยชน์บางครั้งก็เป็นหนี้สินเป็นสินด้วยซ้ำ เพื่อส่งลูกให้เรียนจบปริญญา
เรื่องนี้เป็นปัญหาในสังคมไทยมานานแล้วไม่มีใครหยิบยกมาพูด ประกอบกับปัจจุบันรัฐบาลลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ ก็ตรงกับที่จังหวัดชลบุรีได้ทำอยู่พอดี และเพิ่มเวลารู้ก็จะได้รู้ว่าอุปนิสัยของนักเรียนว่าคนไหน ชอบฝึกค้าขาย ฝึกการแสดงออก ค้นหาตัวเองอย่างไรก็ให้เวลาลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ได้ค้นหาศักยภาพของนักเรียน
เช่น เขาค้าขาย เรียนภาษาอังกฤษ ฝึกภาษาอังกฤษ ฝึกทักษะเหล่านี้ทุกอย่างล้วนเป็นองค์ประกอบ ให้เขาเติบโตแล้วเข้มเข็ง เป็นฐานรากที่สำคัญในการประกอบอาชีพได้”
พ่อเมืองชลบุรีกล่าวพร้อมทิ้งท้ายไว้เป็นข้อคิด สำหรับส่วนงานการศึกษาที่เกี่ยวข้อง
“…อุปสรรค ผมมองเรื่องอุปสรรคเป็นเรื่องปกติก็เห็นอยู่แล้ว เพราะทัศนคติเดิม ๆ ของผู้ปกครอง กับครูบาอาจารย์ หรือผู้บริหาร โรงเรียนมัธยมที่มี ม.4-5-6 ที่มีเงินอุดหนุนรายหัว นี่จะเป็นปัญหาว่าจะทำให้เด็ก ๆ ของเขาลดลงไป
การที่เด็กหันไปเรียนอาชีวศึกษามากขึ้น เขาเองต้องปรับเปลี่ยนว่าสถานศึกษาต้องตอบปัญหาสูงสุดของประชาชน เป็นประโยชน์สูงสุดแก่บ้านเมือง ไม่ใช่ว่าตอบสนองสถาบันการศึกษาใดสถานศึกษาหนึ่ง”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น