วันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

“โรงเรียนวัดเฉลิมพระเกียรติ” ; สอนด้วยความใส่ใจ สร้างสายใยครอบครัวครูและศิษย์

เรื่อง : ศึกษา  สังฆกรรม  /  Fadhill Creative Studio  : ภาพ


ถ้าย้อนกลับไปสู่อดีตสมัยต้นรัตนโกสินทร์วัดเฉลิมพระเกียรติ ดูจะง่ายต่อการไปมาหาสู่ของผู้คนด้วยการเดินทางมาทางน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยามีท่าเทียบเรือขึ้นมาไหว้พระทำบุญได้สะดวก 

...ปัจจุบันเมื่อมาทางบกเส้นทางลัดเลาะที่ถนนที่ตัดขึ้นใหม่ทำให้เข้าไปยังวัดฯใช้เวลาไม่มากนัก ไม้สูงใหญ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมทั่ววัด เมื่อบ่ายหน้าไปทางขวามือเดินผ่านประตูเล็กมีถนนคอนกรีตกั้นแยกพื้นที่ระหว่างอาณาบริเวณแยกกัน ก็พบอาคารเรียนสร้างขึ้นสลับไม้ดัด จัดสร้างแถวเรียงหน้าหันมามายังวัดประตูรั้วสแตนเลสรอบโรงเรียนสะอาดเย็นตารับสายฝนในช่วง 7 โมงเช้า...ที่นี่คือโรงเรียนวัดเฉลิมพระเกียรติ(พิบูลบำรุง)

คณะของเราได้รับการต้อนรับจาก ดร.พรพรรณ อินทรประเสริฐ (คศ.4) ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดเฉลิมพระเกียรติ พร้อมอธิบายความเป็นมาของโรงเรียนฯ
โรงเรียนวัดเฉลิมพระเกียรติ(พิบูลบำรุง)เปิดการสอนมา 80 กว่าปี เปิดสอนครั้งแรกใน พ.ศ. 2476   โดยมี  นายจำลอง ยวดลาด เป็นครูใหญ่ โดยเปิดทำการสอนตั้งแต่ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 4  ต่อมามีการขยายพื้นที่โรงเรียนโดย ท่านเจ้าคุณพระปรีชาเฉลิม  เจ้าอาวาสวัดเฉลิมพระเกียรติ ได้ชักชวนประชาชนร่วมกันบริจาคเงิน เพื่อซื้อที่ดินด้านทิศใต้ของวัดเฉลิมพระเกียรติ  จำนวน 2 ไร่  1 งาน  88 ตารางวา  เป็นที่ก่อตั้งอาคารเรียนถาวรหลังแรกขึ้น  โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก จอมพล  ป.  พิบูลสงคราม  โดยใช้เงิน กศศ.( กองสลากกินแบ่งรัฐบาล)  จำนวน 1,000,000  บาท สร้าง ตึกเรียน  2  ชั้น  8  ห้องเรียน 
และ พ.ศ.2540 โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนปฏิรูปการศึกษา ตามโครงการปฏิรูปการศึกษา ของกระทรวงศึกษาธิการ ในปีถัดมาเจ้าอาวาสวัดเฉลิมพระเกียรติ  เจ้าคณะจังหวัดนนทบุรี   ได้พัฒนาอาคารสถานที่ของโรงเรียนวัดเฉลิมพระเกียรติ โดยบริจาคทรัพย์ก่อสร้างอาคารเรียน  
“โรงเรียนสวยงามร่มรื่นก่อนมาดิฉันมาบริหารที่นี่  เพราะพระธรรมกิตติมุณีท่านเห็นความสำคัญของการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ เดิมโรงเรียนเป็นโรงเรียนไม้ หันหน้าออกแม่น้ำเจ้าพระยา ท่านลงงบประมาณประเมิน 100 ล้านบาทสร้างตึกตลอดเวลาสร้างอาคารอนุบาลริมน้ำ”  ผอ.กล่าวก่อนกล่าวถึงแนวทางการบริหารโรงเรียน

กิจกรรมสานสายใยครอบครัว

สภาพโดยทั่วไปของนักเรียนเกือบ 1,000 คน ตั้งแต่ชั้นปฐมวัยถึงประถมศึกษาปีที่ 6 อาศัยอยู่ในชุมชนแออัดฐานะทางเศรษฐกิจยากจนครอบครัวแตกแยก รวมทั้งเป็นครอบครัวอพยพเพื่อหางานทาในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล 
การจัดทำกิจกรรมเพื่อเติมเต็มจึงจำเป็น นวัตกรรมที่โรงเรียนต้จัดทำขึ้นการบริหารในรูปแบบที่สามารถส่งเสริมสนับสนุน  ให้ความช่วยเหลือในการพัฒนาและสร้างความรู้สึกว่าโรงเรียนเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองที่ให้ความ อบอุ่นและสามารถดูแลช่วยเหลือนักเรียนได้ในทุกเรื่อง 
จากการวิเคราะห์ ด้านบริบทของภาวะแวดล้อมของนักเรียนและสังคมที่นักเรียนต้องเผชิญ โรงเรียนจึงได้จัดทำนวัตกรรมการบริหารระบบ ดูแลช่วยเหลือมูลเหตุการนำโครงการการจัดกิจกรรมสานสายใยครอบครัวครูและศิษย์ มาใช้เพราะ ผอ.พรพรรณ อินทรประเสริฐ เคยเป็นผู้บริหารโรงเรียนวัดทางหลวงโพธิ์ทอง อีกแห่งก่อนย้ายมานี่ 
ประสบการณ์การบริหารที่นี่ท่านเล่าว่าแม้นตัวเองจะเกิดมาให้ครอบครัวพอมีฐานะ (เป็นบุตรสาวของ ดร.สนั่น  อินทรประเสริฐ อดีตอธิบดีกรมพลศึกษา) 
แต่เมื่อประเทศเจอประสบการณ์ตรงด้านเศรษฐกิจยุคต้มยำกุ้ง ส่งผลกระทบมาถึงนักเรียนโรงเรียน ทำให้ภาพโลกสวยในฐานะผู้บริหารเปลี่ยนไป เมื่อตัวเองได้พบความจริงบางประการ
“เริ่มเป็นผู้บริหารดีเด่นจากโรงเรียนทางหลวงโพธิ์ทองได้จากการเอาใจใส่เด็ก เราถึงแม้นมาจากครอบครัวมีฐานะ แต่พอเราสัมผัสเด็กนี่เขาไม่มีเลย ตอนนั้นมีปัญหาด้านเศรษฐกิจ ก็เกิดคนรวยที่แทบล้มสลายส่งลูกเข้ามาเรียนเข้ามา 
...คนรวยที่เคยรวยเข้ามาก็เกิดปัญหา  เด็กที่เคยเรียนโรงเรียนเอกชนก็มาเรียนโรงเรียนวัด พ่อแม่เขาก็เกิดปัญหาทางด้านจิตใจ ก็ทำร้ายลูกเราก็เลยไปที่บ้านเลย ตามไปดูที่บ้านตามไปช่วยเหลือเด็ก ก็เลยเกิดแนวคิดว่า...เราน่าจะทำกิจกรรมครอบครัวสัมพันธ์ ให้ครูเป็นพ่อแม่เด็กรับเด็กให้อยู่ในการปกครองของตัวเองประมาณครูคนหนึ่งจะได้ลูกประมาณ 10 กว่าคน พูดคุยกับเด็ก
ก็จะทราบว่าเมื่อเด็กมีปัญหาครูก็ปรึกษาครู  เพราะว่าแม่ไม่อยู่แม่หนีไป เพราะว่าพ่อดาว์นลง พ่อก็เกิด ทำร้ายเด็ก ไม่ให้เด็กโรงเรียนบ้างอะไรบ้าง 
ช่วงนั้นเกิดปัญหา วิกฤตทางเศรษฐกิจเราก็ทำนวัตกรรมสานสายใยครอบครัวจนมาถึงปัจจุบัน ทำเรื่อยมาจนมาบริหารที่นี่ นำนวัตกรรมนี้มาใช้ยังโรงเรียนวัดเฉลิมพระเกียรติ และก็ส่งผลงานเป็นส่วนหนึ่งของการส่งโรงเรียนวิถีพุทธพระราชทาน”
ปลูกผังเรื่อง “เบญจขันธ์”ตั้งรับการใช้ชีวิต

ดร.พรพรรณ อินทรประเสริฐ (คศ.4) ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดเฉลิมพระเกียรติ
ควบคู่ไปกับกิจกรรมสายใยครอบครัวที่นำครูเป็นมาเป็นพ่อครูแม่ครูแล้ว การสอดแทรกคุณธรรม จริยธรรมโดยปลูกผังเรื่อง “เบญจขันธ์” ก็เป็นกลวิธีหนึ่งที่ผู้บริหารที่นี่มองไปถึงการสร้างเด็ก
เพราะสภาพปัญหาไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางด้านสุขภาพและ ด้านสติปัญญาทั้งปัญหาที่มาจากตัวเด็กเองและจากผู้ปกครอง และครอบครัว ของเด็ก ปัญหาจากตัว เด็ก คือ การขาดความสามารถในการเรียนรู้ ขาดระเบียบวินัย ไม่รู้จักตนเอง ติดเกม สมาธิสั้นและ ขาดความอดทน มีปัญหาทางด้านจิตเวช ส่วนปัญหาของผู้ปก ครองที่ส่งผลถึงเด็กคือการขาดความรู้
  โดยนวัตกรรมนี้สายใยครอบครัวจึงทำควบคู่ไปกับจริยธรรมแบบเบญจขันธ์
เบญจขันธ์เป็นรูปแบบหนึ่ง ซึ่งใช้หลักการยืดมัน ในขันธ์ 5 ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาณ 
“นักเรียนจะได้เรียนรู้ปลูกฝังตามขั้นตอน 5 ขั้นตอน นำมาประยุกต์ใช้ในระบบ ดูแลช่วยเหลือนักเรียน ด้วยการสร้างความไว้วางใจ ความอบอุ่น ความห่วงใย การ ดูแลช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การอบรมคุณธรรม จริยธรรม การรับรู้และการแก้ไขปัญหา เสมือนโรงเรียนเป็นบ้านหลังท่ี สองของนักเรียน มีผู้อำนวยโรงเรียน รองผู้อำนวยการ และครูปฏิบัติตนเสมือนเป็นพ่อและแม่ ของ นักเรียน อยู่ในโรงเรียนกันด้วยความรักและผูกพันกัน นักเรียนปฏิบัติตนเสมือนลูก มีสิทธิเลือก ครูพ่อ และครูแม่ของตนเองได้
นักเรียนมีคุณธรรม จริยธรรมและค่านิยมที่พึงประสงค์ หมายถึง นักเรียนมีวินัยมีความรับรับผิดชอบ ละปฏิบัติตนตามหลักธรรมเบื้องต้นของศาสนาที่ตนนับถือ มีความซื่อสัตย์สุจริต มีความกตัญญูกตเวที มีความเมตตากรุณา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และเสียสละเพื่อส่วนรวม มีความประหยัด รู้จักใช้ทรัพย์ส่ิงของ ส่วนตนและส่วนรวมอย่างคุ้มค่า มีความภูมิใจในความเป็นไทย เห็นคุณค่าภูมิปัญญาไทย นิยมไทย และดำรงไว้ซึ่งความเป็นไทย”
...และถึงวันนี้ผลงานประกวดโรงเรียนวิถีพุทธพระราชทาน ประกาศโรงเรียนวัดเฉลิมพระเกียรติ (พิบูลบำรุง) เป็น 1 ใน 27 โรงเรียนทั่วประเทศ
“โรงเรียนวิถีพุทธประกอบด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม 
เราทำงานตามปกติไม่เน้นว่าจะเน้นด้านโน้นด้านนี้  แต่ว่าทำงานเน้นกระบวนการเพื่อสร้างเด็กให้เป็นคนดีของสังคม ไม่เป็นปัญญาของสังคมอยู่กับสังคมได้อย่างมีความสุข 
เราไม่อยากจะเน้นว่าเด็กจะต้องเรียนเก่ง ต้องสอบโน่นนี่ได้แต่ขอให้เป็นคนดีที่จะรู้จักอ่านหนังสือเพื่อเติมรู้จักหากิจกรรมที่จะสร้างรายได้กิจกรรมระหว่างเรียน ตรงนี้เป็นพื้นฐานให้เขาไปประกอบอาชีพคือทุกคน” 
ผอ.พรพรรณกล่าว ก่อนพาคณะเราไปเยี่ยมชมแปลงต้นไม้ ผักสวนครัว ที่ดูแลร่วมกันระหว่างพ่อครูแม่ครูกับลูกๆ โรงเพาะเห็ด อาคารเรียนอนุบาลที่ทันสมัย และสักการะอนุสาวรีย์ของรัชกาลที่ 3  ซึ่งประดิษฐานติดกับสวนภูมิรักษ์ เฉลิมพระเกียรติ และอุทยานเฉลิมกาญจนาภิเษก บรรยากาศร่มรื่นเงียบสงบ ลมพัดเย็นตลอดเวลาผ่านแม่น้ำเจ้าพระยาที่อยู่เบื้องหน้า 




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น