วันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

อธิการบดี มมส.คนใหม่ภูมิใจความเป็นเด็กอาชีวศึกษา

โดย ศ.ดร.สัมพันธ์  ฤทธิเดช  อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม

ศ.ดร.สัมพันธ์ ฤทธิเดช 
หมายเหตุบล็อกเกอร์ : ศ.ดร.สัมพันธ์ ฤทธิเดช  เกิด  21 พฤศจิกายน 2505 เป็นชาวจังหวัดมหาสารคาม การศึกษาปริญญาตรี  คอ.บ. วิศวกรรมเครื่องกล สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตเทเวศน์ 2531 ปริญญญา โท วศ.ม. วิศวกรรมเครื่องกล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 2540 ปริญญาเอก วศ.ด. วิศวกรรมเครื่องกล  มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 2545  ทุนจากคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

เริ่มรับราชการในตำแหน่งอาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมเครื่องกล ก่อนจะขึ้นดำรงตำแหน่ง รองคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ฝ่ายวิจัย  และคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม  และได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ในตำแหน่งศาสตราจารย์ ในสาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องกล สังกัด คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคม 2557 รับรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่นสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม  เข้ารับรางวัลพระราชทานจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  รางวัลอาจารย์ดีเด่น กองทุนเอกิ้น เลาเกเซ่นอนุสรณ์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  เข้ารับรางวัลพระราชทานจาก สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี  รางวัลนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์จากสถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย  เข้ารับรางวัลจาก พณฯ องคมนตรี กำธน สินธวานนท์  เมธีวิจัย สกว. Editor/Reviewer 

และเมื่อ วันที่ 29 มกราคม 2559 สภามหาวิทยาลัยมีมติเห็นชอบให้เสนอชื่อเพื่อโปรดเกล้าฯ ศ.ดร.สัมพันธ์ ฤทธิเดช ดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคามคนใหม่
จากที่เคยเป็นอดีตนักศึกษาอาชีวศึกษาคนหนึ่งที่เติบโตด้วยความภูมิใจในแวดวงราชการ บทความ มุมมองอาชีวศึกษาไทยในปัจจุบัน ของท่านจึงเราทุกคนในแวดวงการศึกษาควรอ่าน


มุมมองอาชีวศึกษาไทยในปัจจุบัน

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่จะพัฒนาประเทศไทยให้มีความเจริญก้าวหน้าทัดเทียมนานาอารยประเทศ ประเทศไทยจำเป็นจะต้องพึ่งพาแรงงานจากภาคอาชีวศึกษาเป็นจำนวนมากพอสมควร ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยยังขาดแรงงานทางด้านฝีมืออยู่เป็นจำนวนมาก
     
        ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องมีการปรับปรุงแก้ไขการผลิตกำลังแรงงานคนด้านอาชีวศึกษาอย่างเร่งด่วน  กระผมในฐานะเป็นเด็กที่เติบโตมาจากอาชีวศึกษา ขอแสดงความคิดเห็นส่วนตัวในประเด็นการพัฒนากำลังคนด้านอาชีวศึกษาไว้สัก  4  ประเด็น คือ

1.  เส้นทางการเดินทางเข้าสู่การเรียนอาชีวศึกษา 
    ปัจจุบัน  หลักสูตรอาชีวศึกษามีการรับเข้าเรียนระดับ ปวช. จากเด็กนักเรียนที่จบ ม.3 มา  ส่วนระดับ ปวส. จะรับเด็กนักเรียนที่จบ ม.6 เข้ามาเรียน
    อดีต  หลักสูตรอาชีวศึกษามีการรับเด็กเข้าเรียนระดับ ปวช. จากเด็กนักเรียนที่จบ ม.3  ที่มาจากสายอุตสาหกรรมศิลป์ หรือมาจากโรงเรียนที่เปิดสอนโครงการมัธยมแบบผสม (คมส.) มาเข้าเรียนเป็นหลัก ส่วนระดับ ปวส. จะรับเด็กที่จบระดับ ปวช.  เข้ามาเรียน
    สรุป  ประเด็นที่ 1  จะเห็นว่าความเข้มข้นในเรื่องทักษะฝีมือในอดีตนั้นจะมีความเข้มข้นและมีคุณภาพมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน  คงต้องมีการปรับแก้ระบบการรับเด็กนักเรียนเข้ามาเรียนอาชีวศึกษาใหม่หรืออาจมีการย้อนไปทบทวนระบบการรับเด็กนักเรียนเข้ามาเรียนอาชีวศึกษาตามอดีตที่ผ่านมา

2.  เส้นทางของอาชีพ 
    เป็นเรื่องที่ยังคาราคาซังมาอย่างต่อเนื่อง  การตีค่าราคาของผู้จบอาชีวศึกษายังไม่ได้มีการปรับแก้และพัฒนาอย่างเป็นระบบจึงส่งผลต่อจำนวนผู้เข้าเรียนด้านสายอาชีพซึ่งมีจำนวนค่อนข้างน้อย  ซึ่งการตีค่าราคาของผู้จบอาชีวศึกษานี้ถือว่าเป็นเส้นทางอาชีพที่สำคัญอย่างยิ่ง และถือว่าเป็นตัวแปรหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อการผลิตบุคลากรทางสายอาชีพอาชีวศึกษา
สรุป  ประเด็นที่ 2  หากไม่มีการปรับแก้เส้นทางอาชีพของผู้จบอาชีวศึกษา  ก็จะทำให้มีผลกระทบต่อจำนวนการผลิตบุคลากรทางสายอาชีวศึกษาเพื่อสนับสนุนการพัฒนาประเทศ

3.  อาชีวศึกษาไปติดกับดักในเรื่องปริญญา
คงปฏิเสธไม่ได้เมื่อยังแก้ปัญหาในประเด็นที่ 2  ที่กล่าวมายังไม่สำเร็จ  แต่อาชีวศึกษาต้องไปขยับตัวเองขึ้นไปผลิตบุคลากรอาชีวศึกษาในระดับปริญญาตรี  ซึ่งก็ไม่ผิด แต่จริงๆแล้วอาชีวศึกษามีความโดดเด่นในเรื่องของทักษะฝีมือ  ซึ่งอาจไม่จำเป็นจะต้องขยับไปถึงระดับปริญญาตรี  แต่หากจำเป็นจริงๆ ในระดับปริญญาตรีของอาชีวศึกษาจะต้องเน้นเรื่องของทักษะฝีมือเป็นฐานเท่านั้น  ดังเช่น หลักสูตร ปวส. ที่บวกกับทวิภาคี  ซึ่งเป็นหลักสูตรที่มีความเข้มแข็งและโดดเด่นในเรื่องของทักษะฝีมืออย่างชัดเจน
สรุปประเด็นที่ 3  อาชีวศึกษาต้องเน้นเรื่องของทักษะฝีมือเป็นฐาน  ก็จะทำให้บุคลากรทางสายอาชีวศึกษามีความโดดเด่นและตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานแน่นอน

4.  การพัฒนาครู อาจารย์ ของอาชีวศึกษา 
ปัจจุบันอาชีวศึกษาขาดแคลนครู อาจารย์ ที่มีฝีมือเป็นจำนวนมากสาเหตุอาจเนื่องมาจากการเกษียณอายุราชการ  แต่สถาบันอาชีวศึกษาไม่ได้รับตำแหน่งทดแทน คงมีแต่ได้จ้างครูผู้ช่วยสอนทดแทนเท่านั้น  จึงทำให้ขาดกำลังใจและกำลังคนทางด้านครุ อาจารย์ ที่จะมาเสริมความเข้มแข็งทางด้านทักษะฝีมือของอาชีวศึกษาให้คงอยู่ต่อไป
สรุปประเด็นที่ 4  อาจจะต้องมีสถาบันที่ช่วยผลิตบุคลากรทางด้านครูช่างที่มีคุณภาพเพื่อป้อนเข้าสู่อาชีวศึกษา โดยมีสถาบันผลิตครูช่าง  เช่น  หลักสูตร  ระดับปริญญาตรี ครุศาสตรอุตสาหกรรมบัณฑิต (คอ.บ.)  ซึ่งจริงๆในประเทศก็มีหลายสถาบันที่มีหลักสูตรผลิตครูช่างเหล่านี้อยู่แล้ว

จากการที่กระผมกล่าวมาทั้งหมด  4  ประเด็น  อาจจะไม่คลอบคลุมอีกหลายๆประเด็น  แต่ก็คงมีความถูกต้องบ้างไม่มากก็น้อย  กระผมในฐานะเป็นศิษย์เก่าอาชีวศึกษา  ก็มีความหวังว่าบางท่านคงรู้ประเด็นและปัญหาของอาชีวศึกษาดีกว่ากระผม  แต่อย่างไรก็อยากให้ทุกๆท่านมาร่วมมือร่วมใจพัฒนาอาชีวศึกษาของพวกเราให้มีความเข้มแข็ง  และพร้อมไปด้วยคุณภาพ

     ซึ่งท้ายสุดก็จะส่งผลถึงการพัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าต่อไปดั่งที่ชาวอาชีวศึกษามุ่งหวังไว้









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น