วันพุธที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ผู้บริหารต้องมีภูมิรู้ ภูมิธรรม และเป้าหมายที่ชัดเจนในการทำงาน


โดย :  สินเธาว์ ชัยสวัสดิ์ ที่ปรึกษาด้านมาตรฐานอาชีวศึกษาธุรกิจและบริการ สอศ.


ผู้เขียน เคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษาแพร่ มามากกว่า 11 ปี ให้ความสำคัญในการปฏิบัติงานตามภาระหน้าที่ที่รับผิดชอบและนโยบายที่ได้รับมอบหมาย โดยมุ่งเน้นผลงานที่มีคุณภาพให้เกิดประโยชน์กับผู้เรียน สถานศึกษา สถานประกอบการ หน่วยงาน และชุมชน จากผลงานและประสบการณ์ดังกล่าว เมื่อมารักษาการในตำแหน่ง ที่ปรึกษาด้านมาตรฐานอาชีวศึกษาธุรกิจและบริการ จึงมีประโยชน์อย่างมากกับการทำงานในสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา

การประกันคุณภาพ เป็นอีกผลงานหนึ่งที่ประสบความสำเร็จ เป็นการบริหารจัดการและดำเนินกิจกรรมตามภารกิจปกติของสถานศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง สร้างความมั่นใจให้ผู้รับบริการทางการศึกษา ทั้งผู้รับบริการโดยตรง ได้แก่ ผู้เรียน ผู้ปกครองและผู้รับบริการทางอ้อม ได้แก่ สถานประกอบการ หน่วยงาน และชุมชนโดยรวม ประกอบด้วย
การประกันคุณภาพภายใน จะมีการประเมินผลและการติดตามตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากภายใน โดยบุคลากรของสถานศึกษา และหน่วยงาน ต้นสังกัดที่มีหน้าที่กำกับดูแลสถานศึกษานั้น

การประกันคุณภาพภายนอก จะมีการประเมินผลและการติดตามผลตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากภายนอก โดยสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษาหรือบุคคลหรือหน่วยงานภายนอกที่สำนักงานดังกล่าวรับรอง เพื่อเป็นการประกันคุณภาพและให้มีการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา

จากการบริหารสถานศึกษาโดยมุ่งเน้นผลงานที่มีคุณภาพให้เกิดประโยชน์กับผู้เรียน สถานศึกษา สถานประกอบการ หน่วยงาน และชุมชน ส่งผลให้สถานศึกษาได้รับเกียรติบัตรสถานศึกษาดีเด่นที่ได้รับผลการประเมินคุณภาพภายนอกระดับคุณภาพดีมาก จากการประเมินคุณภาพภายนอกทั้งสามรอบ (พ.ศ.2544, 2549 และ 2554) จาก สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) ในงานประชุมวิชาการระดับชาติและนานาชาติ ประจำปี พ.ศ. 2558

การประกันคุณภาพที่ประสบความสำเร็จ มีหลักการและกลยุทธ์ในการทำงาน ดังนี้

หลักในการทำงาน
1. ภาวะผู้นำ หมายถึง สัมพันธภาพในเรื่องของการใช้อิทธิพล ที่มีต่อกันและกัน ระหว่างผู้นำกับผู้ตามที่มุ่งหมายให้เกิดการเปลี่ยนแปลง โดยสะท้อนถึงวัตถุประสงค์ที่มีร่วมกันภาวะผู้นำ เกี่ยวข้องกับ การใช้อิทธิพล เกิดขึ้นระหว่างกลุ่มบุคคล โดยกลุ่มบุคคลเหล่านั้นมีความตั้งใจที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะสะท้อนให้เห็นวัตถุประสงค์ที่มีร่วมกันระหว่างผู้นำกับผู้ตาม
2. หลักธรรมาภิบาล มีองค์ประกอบที่สำคัญ 6 ประการ คือ
2.1 หลักนิติธรรม คือการยึดและปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบข้อบังคับ มิใช่ทำ ตามอำเภอใจ หรืออำนาจของบุคล
2.2 หลักคุณธรรม คือการยึดมั่นในความถูกต้อง รวมทั้งสร้างค่านิยมให้คนในองค์กร ปฏิบัติงานด้วยความเสียสละ อดทน และขยันหมั่นเพียร
2.3 หลักความโปร่งใส คือการเปิดเผยข้อมูลและให้ทุกภาคส่วนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้สะดวก
2.4 หลักความมีส่วนร่วม คือการเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องรับรู้และร่วมเสนอความคิดเห็นในการตัดสินใจในการทำงาน
2.5 หลักความรับผิดชอบ คือการมีความรับผิดชอบในงานที่ได้รับมอบหมาย รวมทั้งแก้ไขข้อบกพร่องในการทำงานให้ดีขึ้น
2.6 หลักการคุ้มค่า คือการบริหารจัดการจะต้องยึดหลักความประหยัดและความคุ้มค่า
3. วงจรการบริหารงานคุณภาพ PDCA
3.1 Plan (แผน) คือ การกำหนดเป้าหมาย/วัตถุประสงค์ในการดำเนินงานวิธีการและขั้นตอนที่จำเป็นเพื่อให้การดำเนินงานบรรลุเป้าหมายในการวางแผนจะต้องทำความเข้าใจกับเป้าหมายวัตถุประสงค์ชัดเจน
3.2 Do (ปฏิบัติ) คือ การปฏิบัติให้เป็นไปตามแผนที่ได้กำหนดไว้
3.3 Check (ตรวจสอบ) คือ เป็นกิจกรรมที่มีขึ้นเพื่อประเมินผลว่ามีการปฏิบัติงานตามแผน หรือไม่ มีปัญหาเกิดขึ้นในระหว่างการปฏิบัติงานหรือไม่
3.4 Act (การปรับปรุง) คือ เป็นกิจกรรมที่มีขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นหลังจากได้ทำการตรวจสอบแล้ว การปรับปรุงอาจเป็นการแก้ไขแบบเร่งด่วน เฉพาะหน้า หรือการค้นหาสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำรอยเดิม

กลยุทธ์ในการทำงาน
1. ภาวะผู้นำของผู้บริหาร
1.1 การมีวิสัยทัศน์ มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพศึกษาของผู้บริหาร
1.2 การเป็นผู้นำในการประกันคุณภาพการศึกษาของผู้บริหาร
1.3 การเป็นผู้นำในการจัดทำมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาของผู้บริหาร
2. การสร้างความตระหนักในหน้าที่รับผิดชอบ
2.1 การมอบหมายหน้าที่และการรับรู้งานที่ได้รับมอบหมาย
2.2 การสื่อสารจูงใจให้บุคลากรรู้และเข้าใจหน้าที่ ที่มุ่งเน้นคุณภาพ
2.3 การสื่อสารจูงใจให้บุคลากรให้เข้าใจในเรื่องของการประกันคุณภาพ
3. การสร้างความรู้ความเข้าใจ
3.1 การสร้างความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติงานในหน้าที่ ตามโครงสร้างการบริหารสถานศึกษา
3.2 การสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการประกันคุณภาพการศึกษา
3.3 การสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรฐานงาน
3.4 การสร้างความรู้ความเข้าใจมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา
4. การกำหนดมาตรฐานการปฏิบัติงาน
4.1 ขั้นตอนการกำหนดมาตรฐานงาน มาตรฐานสาขาวิชา มาตรฐานครู ตามโครงสร้างการบริหารสถานศึกษา
4.2 ขั้นตอนการกำหนดมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา
5. การปฏิบัติงานแบบมีส่วนร่วม
5.1 การปฏิบัติงานแบบมีส่วนร่วมของผู้บริหาร
5.2 การปฏิบัติงานแบบมีส่วนร่วมของครูและบุคลากรทางการศึกษา
5.3 การมีส่วนร่วมของผู้เรียน ผู้ปกครอง
5.4 การมีส่วนร่วมของสถานประกอบการ หน่วยงาน ชุมชน
6. การกำกับ ติดตาม ตรวจสอบและประเมิน
6.1 การกำกับ ติดตาม ตรวจสอบและประเมินตนเอง
6.2 การกำกับ ติดตาม ตรวจสอบและประเมินโดยฝ่าย
6.3 การกำกับ ติดตาม ตรวจสอบและประเมินโดยสถานศึกษา
6.4 การกำกับ ติดตาม ตรวจสอบและประเมินโดยสถานประกอบการ หน่วยงาน ชุมชน
7. การมุ่งผลสัมฤทธิ์ตามที่กำหนด
7.1 ปรับปรุง แก้ไข ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามที่กำหนด
7.2 การยอมรับของบุคลากรในสถานศึกษา ผู้เรียน ผู้ปกครอง สถานประกอบการ หน่วยงาน ชุมชน

จากหลักการและกลยุทธ์ในการทำงาน ทำให้เกิดผลงานที่มีคุณภาพ เกิดประโยชน์กับผู้เรียน สถานศึกษา สถานประกอบการ หน่วยงาน และชุมชน กล่าวได้ว่า ผู้บริหารต้องมี “ภูมิรู้ ภูมิธรรม และเป้าหมายที่ชัดเจนในการทำงาน

เบื้องหลัง “ชลบุรีโมเดล” หลักสูตรการจัดการศึกษาเพื่อการมีงานทำ

รูปธรรมที่สอดคล้องกับนโยยบายเพิ่มสัดส่วนผู้เรียนในสายอาชีวศึกษา และนโยบายเรื่องการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ (Moderate Class More Knowledge) ของกระทรวงศึกษาธิการ คือการประกาศจังหวัดชลบุรี เรื่อง หลักสูตรการจัดการศึกษาเพื่อการมีงานทำของจังหวัดชลบุรี พุทธศักราช 2559  ลงนามโดย นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี

เมื่อนโยบายการศึกษาระดับท้องถิ่นมาควบที่ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะ ประธานคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) อย่าง คมสัน เอกชัย ผจว.จังหวัดชลบุรี คิดอย่างไร​

“รัฐบาลชุดนี้เห็นว่าปัญหาของการศึกษาแก้ไม่ได้ด้วยกระทรวงศึกษาธิการ ...แก้กันมาหลายยุคหลายสมัยยิ่งแก้ก็ยิ่งยุ่ง...ด้วยความเคารพ  ไม่ได้ก้าวล่วงกระทรวงศึกษาธิการ แต่ผมเห็นว่าแก้ไม่ได้สัก  กี่รัฐบาลมาแล้ว แต่ด้วยความมุ่งมั่นความตั้งใจของนายกรัฐมนตรี และพลเอกดาว์พงษ์ ต้องการให้การจัดอันดับของประเทศไทยเรื่องคุณภาพการศึกษานั้นให้สูงขึ้น

เพราะภาพรวมในการประเมินผลแต่ละปี ของแต่ละหน่วยงานตกต่ำลงเรื่อย ๆ ในอาเซียน  เป็นภาพลักษณ์ที่เกิดความเสียหายระยะยาวท่านคงแก้ปัญหาตรงนี้ ก็เลยกลับมาใช้แนวคิดเดิมในผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน กศจ. จะได้ร่วมกันคิดร่วมกันทำร่วมกันรับผิดชอบ ก็จะได้เกิดเอกภาพ ก็กำหนดยุทธศาสตร์ดูแลการศึกษาแต่ละจังหวัดนั้นให้ไปในแนวทางเดียวกันสอดคล้องกัน”


เบื้องหลังนโยบายการศึกษาเพื่อการมีงานทำ

เมื่อภาระด้านการศึกษาเป็นอีกหนึ่งงานในตำแหน่งผู้ว่าฯ  คมสัน  เอกชัย ด้วยเป็นชาวชลบุรี พื้นฐานการศึกษาก่อนเข้าเรียนด้านรัฐศาสตร์ เป็นนักปกครองท่านคือนักเรียนสาขาช่างเชื่อม วิทยาลัยเทคนิคชลบุรี

ดังนั้นความเข้าใจกับความหมายการศึกษาเพื่อการมีงานทำได้ดี...และเข้าใจนักเรียนอาชีวศึกษาได้ดี

“...ส่วนใหญ่คนจะส่งลูกเรียน ม.5-6 หรือ ม.7-8 สมัยก่อนก็จะไปเอ็นทรานซ์ ก็มองเด็กอาชีวศึกษาว่ากลายเป็น...ถ้าเป็นสินค้าก็เป็นสินค้าเหลือเลือก ถ้าเป็นผลไม้ก็ถูกคัดเกรด เป็นเกรด B เกรด C ไม่ถูกเลือก”

แต่การไปเรียนอาชีวะ ได้อะไรมากกว่าที่คิด

“ส่วนใหญ่คนเขาไม่รู้ว่าเข้าไปเรียนอาชีวศึกษาจริง ๆ โรงเรียนอาชีวะสอนให้เด็กอาชีวศึกษาคิดเป็นวางแผนในการทำงานการคิดงาน แต่ละชิ้นคิดงานต้องดีไซน์ต้องออกแบบ มีขั้นตอนมีกระบวนการทำงาน แล้วก็ต้องมีคามอดทน ทำก็ต้องทำให้ละเอียดปราณีต ชิ้นงานออกมาก็จะได้ละเอียดสวยงาม การเรียนการสอนแต่ละครั้ง ครูอาจจะตั้งใจมากเกินไป อาจจะพูดไม่สุภาพ ไม่ไพเราะบ้างก็ตามประสานเด็กช่างกล

แต่คุณสมบัติของเด็กอาชีวศึกษาคือต้องอดทน ...การเอาเหล็กแท่งหนึ่งมาตะไบ  มาฝนให้เป็นรูปโน่นรูปนี่ กว่าจะตะไบได้นี่เหงื่อโทรมกาย  ตะไบกันเป็นเดือน ๆ บางคนตะไบเสร็จแล้วก็ไม่ผ่าน ต้องตะไบใหม่ ถ้าคนไม่มีความอดทนทำไม่ได้หรอก...จำเป็นต้องฝึกบ้างครั้งทำจนมือแตกเลย บ้างก็ปีนหลังคา ซ่อมหลังคา ต้องปีนได้ ขึ้นไปที่สูงได้ จิตใจต้องถือว่าเข้มแข็งแล้วก็กล้าหาญพอสมควรฝึกงานกลางแจ้งได้
ผมถูกฝึกให้ทำงานกลางแจ้งได้ตากแดดได้ ตากฝนได้ แล้วก็รักกันช่วยเหลือกัน ทำงานเป็นกลุ่มทำงานเป็นทีม  อันนี้เป็นลักษณะนิสัยของคนอาชีวศึกษา ซึ่งก็ติดตัวมาโดยไม่รู้ตัว

...รุ่นผมนี่เข้าเรียน 31 คน พอขึ้นปี 3 หายไปจนไปเหลือแค่ 14 คน ที่จบการศึกษาระดับ ปวช.”

ด้วยบุคลิกกว้างขวาง ชอบช่วยเหลือผู้อื่น เส้นทางนักเรียนอาชีวะเปลี่ยนไป ขณะที่เพื่อนร่วมห้องมีเส้นทางการทำงานในวิชาชีพที่ดี

“จุดเปลี่ยนที่เกิดขึ้นกับตัวผมช่วงที่เรียนอยู่นี่ได้รับความไว้วางใจจากเพื่อนนักเรียนให้ผมเป็นประธานนักเรียน เป็นผู้นำนักเรียน  อาจจะเป็นเพราะว่าผมรู้จักเพื่อนในโรงเรียนที่เป็นนักเรียนทุกระดับ เรียนปี 1 ก็มีเพื่อนปี 2-3  ก็รู้จักกันหมด ...ผมเป็นประธานนักเรียนเพื่อจะได้ดูแลนักเรียนทั้งโรงเรียนได้ เป็นตัวแทนของนักเรียน ช่วยเหลือครูบาอาจารย์ช่วยดูแลเพื่อนนักเรียนเรื่องความประพฤติ อะไรต่าง ๆ นำนักเรียนไปในแนวทางที่ถูกต้องเหมาะสม

...และมีโอกาสทำงานด้านสังคมเรื่องกิจกรรมการศึกษาของนักเรียนทำให้มีประสบการณ์ จริง ๆ แล้วการที่ได้สัมผัสกับหน่วยงานราชการ ที่ว่าการอำเภอ กับปลัดอำเภอนี่ กับเทศบาล ก็เลยมีความคิดว่าถ้าเรารับราชการเป็นปลัดอำเภอนี่เราก็จะมีโอกาสช่วยเหลือประชาชนได้มาก ใครเดือดร้อนอะไรเราก็ช่วยได้

ซึ่งเมื่อเอาดำรงตำแหน่งจริง ๆ เราก็สามารถใช้อำนาจหน้าที่ของเราบทบาทของเรา ที่มีอยู่ในการช่วยเหลือประชาชนได้ ให้ความเป็นธรรมกับเขาได้ ก็ช่วยทำให้ภาพลักษณ์ของราชการดีขึ้น ก็เลยเป็นจุดเปลี่ยนตรงนี้”


หลักสูตรการจัดการศึกษาเพื่อการมีงานทำ
คือเพิ่มศักยภาพปลูกฝังวิชาชีพแก่ผู้เรียน

แต่เมื่อมีชื่อ คมสัน เอกชัย เป็นพ่อเมืองความเปลี่ยนแปลงด้านการศึกษาในจังหวัดชลบุรีก็เกิดขึ้น กับแนวคิดในการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่ (Area-Based Education) เป็นหนึ่งในนโยบายที่ตอบสนองความต้องการของรัฐบาล และกระทรวงศึกษาธิการ ในการเพิ่มศักยภาพผู้เรียนให้สอดคล้องกับความต้องการของบริบทในพื้นที่ โดยเปิดโอกาสให้คนในพื้นที่ร่วมคิดและร่วมกันกำหนดทิศทางและความต้องการในการจัดการศึกษาแก่เด็กและเยาวชนได้เอง จึงเป็นที่มาของการจัดตั้ง “คณะกรรมการจังหวัดปฏิรูปการเรียนรู้จังหวัดชลบุรี” ขึ้น ประกอบด้วยคณะทำงาน 5 คณะ ได้แก่ 1) คณะทำข้อมูลจังหวัด 2) คณะทำแผนยุทธศาสตร์ 3) คณะจัดทำหลักสูตร 4) คณะนิเทศติดตาม และ 5) คณะรณรงค์สื่อสาร โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีเป็นประธาน
       
ผู้ว่าฯ คมสัน ลงรายละเอียดเพิ่มเติมว่า  “เมื่อวิเคราะห์ถึงรายได้หลักของจังหวัดชลบุรีที่มาจากภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรม แต่สภาพความเป็นจริงกลับพบว่า จังหวัดชลบุรีขาดแคลนแรงงานทั้งในระดับกลางและสูงมากถึง 248,862 คนต่อปี โดยกว่าร้อยละ 80 ต้องการแรงงานช่างฝีมือในระดับ ปวช.และ ปวส. และต้องการแรงงานในระดับปริญญาตรีเพียงร้อยละ 11 ฉะนั้นเพื่อนำไปสู่การจัดการศึกษาเพื่อการมีงานทำเพื่อตอบโจทย์เด็กเยาวชนจังหวัดชลบุรี

คณะกรรมการฯดังกล่าวจึงร่วมกันจัดทำหลักสูตรการเตรียมความพร้อมของเด็กเยาวชนในทุกระดับชั้นตั้งแต่ระดับปฐมวัย ถึงอุดมศึกษา โดยมีเป้าหมายเพื่อให้โรงเรียนนำไปใช้ได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพในทุกช่วงชั้น ภายใต้ “ชลบุรีโมเดล” (CHONBURI Model) จึงมุ่งเน้นการเตรียมพร้อมผู้เรียนมีคุณลักษณะนิสัยอุตสาหกรรมในทุกระดับ ชั้นเพื่อเตรียมความพร้อมเด็กเยาวชนเข้าสู่การประกอบอาชีพในภาคอุตสาหกรรมได้อย่างมีคุณภาพ”

แต่อย่างไรก็ตาม เหตุผลประการสำคัญของสร้างหลักสูตรนี้ขึ้นมาก็เพื่อ เพิ่มศักยภาพด้านการประกอบอาชีพให้ผู้เรียน

“ผมไม่ได้เน้นเรื่องอาชีวศึกษา และเน้นอุตสาหกรรมอย่างเดียว ใครมีความสามารถด้านศิลปะใครมีความสามารถทางด้านดนตรี ใครมีความสามารถด้านการแสดง ก็สามารถมีงานทำได้ ใครมีความสามารถด้านการทำขนม ทำอาหาร ซึ่งจังหวัดชลบุรีมีร้านอาหาร สามารถรับรองผู้มีความสามารถในแต่ละด้านได้  หรือจากการเป็นพนักงานในห้างร้านในนิติบุคคลแล้วก็ผันตัวเองมาเป็นเจ้าของกิจการเองได้ เริ่มเป็น SME เป็น starup ตามนโยบายรัฐบาล คือไม่ต้องเน้นว่าต้องมาเรียนอาชีวศึกษา คือเรียนมาแล้วให้มีงานทำ ให้เป็นรายได้ไม่เป็นภาระต่อสังคม”

ดร.วรรณา ตันประภัสร์  วิทยาลัยเทคโนโลยีชลบุรี เลขานุการคณะทำงานชุดคณะกรรมการการจัดทำหลักสูตรระดับอาชีวศึกษา ให้ความเห็นสอดรับกับนโยบาย

“ดิฉันมองว่ามันสอดคล้องกับบริบททางการศึกษา ในเรื่องการปฏิรูปการศึกษาโดยใช้จังหวัดเป็นฐาน ตามชื่อโครงการ เราก็มาวิเคราะห์บริบทของจังหวัดชลบุรี อย่างที่บอกไปแล้วว่าชลบุรีเป็นเมืองอุตสาหกรรม มีนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งมาก แล้วก็ยังเป็นเรื่องของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ในเรื่องของโลจิสติก ซึ่งมีความจำเป็นอนาคตต่อไป  ส่วนของวิทยาลัยเราก็เน้นวิชาการใหม่ ๆ ยังในเรื่องของรถไฟระบบรางซึ่งตอนนี้ เราก็มีส่วนในการเปิดหลักสูตรส่งครูไป  เตรียมการอบรมในการเตรียมการเปิดสอนในปีการศึกษา 2559 นี้

...ก็คิดว่าตรงประเด็นเลยในการที่มีแนวทางการจัดการศึกษาในเรื่องการจัดการศึกษาเพื่อการมีงานทำโดยเฉพาะเรื่องอาชีวศึกษาตอบได้ตรงประเด็นดิฉันคิดว่าน่าจะสอดคล้อง

มีตัวอย่างที่เป็นบริบทน่าสนใจที่ผ่านมาก็ได้มีโอกาสไปศึกษาดูงานที่ญี่ปุ่นมองเห็นนโยบายการเตรียมคนดิฉันว่าการที่ถ้าเราจะพัฒนาประเทศ ถ้าเรามีคนที่คุณภาพ จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะให้เจริญก้าวหน้า ตรงนี้คิดว่าเป็นงานที่ท้าทายมีส่วนช่วยประเทศได้ในการผลิตกำลังคน ในส่วนที่เรารับผิดชอบ เพราะฉะนั้นตรงนี้ทำอย่างไรที่เราจะผลิตกำลังคนที่มีคุณภาพเราคงไม่สามารถสร้างทั้งหมดแต่เราฐานะเปนนัการศึกษาให้ความรู้มาเพื่อผลิตกำลังคนอาชีวศึกษา”

เรียกร้องขอคนการศึกษามีทัศนคติ
เพื่อร่วมพัฒนาการศึกษาชาติ

เมื่อมารับผิดนโยบายการศึกษาด้วยแล้ว ข้อเรียกร้องโดยรวมของ ประธาน กศจ.จังหวัดชลบุรี คือ

“ขณะนี้ผู้อำนวยการพื้นที่ประถมศึกษาทั้งที่ 3 เขต และผู้อำนวยการเขตพื้นที่มัธยมศึกษาไม่สามารถทำให้ประสบผลสำเร็จได้ ถ้าผู้บริหารโรงเรียน ทุกแห่งและครูบาอาจารย์ ที่มีส่วนร่วมและมีความรับผิดชอบ ไม่ให้ความร่วมมือกับภาคเอกชน ที่จะได้เป็นตัวขับเคลื่อน  ให้เกิดเคลื่อนตัวไป สู่เป้าหมายในการให้ความรู้ไปสู่นักเรียน พ่อแม่ ผู้ปกครองว่าเราเน้นส่งบุตรหลานให้เรียน  ค้นหาให้นักเรียนแต่ละคนว่ามีเขามีศักยภาพด้านไหน มีความสามารถ เขามีพรสวรรค์ด้านไหน เพื่อดังศักยภาพเขาเข้ามาแล้วก็ตอบสนอง การทำงานสถานประกอบการต่าง ๆ

....ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญ ความร่วมมือและความสำเร็จอยู่ที่ครูอาจารย์ด้วย มองบริบทสังคมออก เลิกคิดแนวคิดเดิม ๆ ว่า ต้องส่งลูกเรียนจบปริญญาก็เจอปัญหาเดิม ๆ ทั้ง ๆ ที่เด็กเองเขาอาจมีศักยภาพความสามารถด้านอื่น ๆ ซึ่งก็ทราบแล้วว่าการเรียนจบปริญญาตรี ด้านสังคมศาสตร์จบแล้วไม่มีงานทำ หรือทำงานไม่ตรงกับสาขาที่เราเรียนมา หรือว่างงานไปเลยมีอีกมากมาย เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจเกิดความสูญเปล่าด้านการศึกษา พ่อแม่ก็เสียเงินเปล่าประโยชน์บางครั้งก็เป็นหนี้สินเป็นสินด้วยซ้ำ เพื่อส่งลูกให้เรียนจบปริญญา

เรื่องนี้เป็นปัญหาในสังคมไทยมานานแล้วไม่มีใครหยิบยกมาพูด ประกอบกับปัจจุบันรัฐบาลลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ ก็ตรงกับที่จังหวัดชลบุรีได้ทำอยู่พอดี และเพิ่มเวลารู้ก็จะได้รู้ว่าอุปนิสัยของนักเรียนว่าคนไหน ชอบฝึกค้าขาย ฝึกการแสดงออก  ค้นหาตัวเองอย่างไรก็ให้เวลาลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ได้ค้นหาศักยภาพของนักเรียน
 เช่น เขาค้าขาย เรียนภาษาอังกฤษ ฝึกภาษาอังกฤษ ฝึกทักษะเหล่านี้ทุกอย่างล้วนเป็นองค์ประกอบ ให้เขาเติบโตแล้วเข้มเข็ง เป็นฐานรากที่สำคัญในการประกอบอาชีพได้”

พ่อเมืองชลบุรีกล่าวพร้อมทิ้งท้ายไว้เป็นข้อคิด สำหรับส่วนงานการศึกษาที่เกี่ยวข้อง

“…อุปสรรค ผมมองเรื่องอุปสรรคเป็นเรื่องปกติก็เห็นอยู่แล้ว เพราะทัศนคติเดิม ๆ ของผู้ปกครอง กับครูบาอาจารย์ หรือผู้บริหาร โรงเรียนมัธยมที่มี ม.4-5-6  ที่มีเงินอุดหนุนรายหัว นี่จะเป็นปัญหาว่าจะทำให้เด็ก ๆ ของเขาลดลงไป

การที่เด็กหันไปเรียนอาชีวศึกษามากขึ้น เขาเองต้องปรับเปลี่ยนว่าสถานศึกษาต้องตอบปัญหาสูงสุดของประชาชน เป็นประโยชน์สูงสุดแก่บ้านเมือง  ไม่ใช่ว่าตอบสนองสถาบันการศึกษาใดสถานศึกษาหนึ่ง”

วันอังคารที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ฝึกงานคือฝึกตนเป็นให้ฝีมือชนด้วย “อีสานเหนือโมเดล”

รูปแบบการเรียน การสอนหนึ่งที่เกิดขึ้นยังจังหวัดอุดรธานี ที่ถือว่ามีรูปแบบที่ถือว่าเป็นตัวอย่างของการปฏิรูปการอาชีวศึกษาได้ดี คือ “อีสานเหนือโมเดล” เป็นการสร้างผู้เรียนให้เกิดสำนึกรักและมีทัศนะที่ดีกับการเรียนอาชีวศึกษาก่อนจะส่งไปฝึกงานยังสถานประกอบการ ซึ่งเป็นทวิภาคี 1 ปี แล้วกลับมาเรียนเพิ่มเพื่ออีก 1 ปี เป็นหลักสูตร 3 บวก 2 (ปวช.และ ปวส.รวมกัน) 


บุคคลที่เป็นแกนหลักของการจัดรูปแบบการสอนนี้ขึ้นมาคือ อนุพงค์ มกรานุรักษ์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคโนโลยีอีสานเหนือ และอุปนายกสมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาแห่งประเทศไทย นำความภูมิใจมาเปิดเผยหลังจัดการเรียนการสอนมาร่วม 10 ปี


แก้ปัญหาขาดทักษะ ด้วยการเรียน Project-Based 


ผอ.วิทยาลัยเทคโนโลยีอีสานเหนือ เปิดเผยถึงระยะเริ่มต้นการทำอีสานเหนือโมเดลว่า เป็นสิ่งที่พัฒนาขึ้นมาจากการเรียนรู้ขึ้นมาอีกรูปแบบหนึ่ง เป็นเรื่องของการบูรณะหลักสูตรเพื่อสร้างความน่าสนใจให้กับผู้เรียน จุดหลักมองว่าหลักสูตรที่ใช้ในการเรียนการสอน เป็นหลักสูตรที่ผู้เรียนเป็นพื่นฐานวิชาความรู้ต้องมีทักษะมาระดับหนึ่งแล้ว


“...เพราะฉะนั้นด้วยพันธกิจของเราที่จะสร้างนักวิชาชีพ อยากให้ผู้เรียน เรียนสายอาชีพแล้ว แล้วก็ออกไปประกอบวิชาชีพอย่างแท้จริง การเรียนการสอนต้องเน้นการปฏิบัติเป็นส่วนใหญ่ แล้วก็หัวใจการจัดการเรียนการสอนอาชีพศึกษาจริง ๆ ควรจะเป็นรูปแบบทวิภาคี เราบูรณาการหลักสูตรการเรียนการสอนขึ้นมาว่าทำอย่างไรเราจะจัดการเรียนการสอน ให้เด็กได้สอนใจและมีความรู้อย่างมีความสุข

เราก็ได้พบว่าเรียนรู้โดยผ่านการ Project-Based โดยนำเอาชิ้นงานเอาเรื่องราวที่ต้องการมาสร้างนั้นพูดเลย ขึ้นมาเรียนเลย เสร็จแล้วเราก็นำเอาทฤษฎีในแต่ละศาสตร์เข้าใส่ ซึ่งวิธีการนี้จะทำให้เด็กมีความอย่างเรียน เด็กมีความสนุก แล้วก็อยู่กับงานนั้นโดยที่คิดว่าตัวเองไม่ได้เเรียนหนังสือ”

จากรูปแบบการเรียนการสอนที่เรียกว่าอีสานเหนือโมเดลนี้ วิทยาลัยเทคโนโลยีอีสานเหนือ ได้อะไรบ้าง

“ถ้านำ KPI มาวัด ผมจะประสบผลสำเร็จ ถ้ามีเด็กนักเรียน ตั้งใจมาเรียนสถิติการมาเรียนเพิ่มขึ้นมากแล้วเด็กสนใจ ใส่ใจ เราถือว่านั้นเป็นผลสำเร็จที่เกิดขึ้น แต่ได้เกินคาด สามารถสร้างเด็กได้ติดทีมชาติ ให้เด็กนักเรียนสามารถคว้ารางวัลพระราชทานของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ถ้วยคิงส์คัพมาครอง ซึ่งสิ่งที่เราทำนั้น เราปลุกให้เด็กทุก ๆ คน ไม่ได้สอนและไม่ได้ปั้นให้แค่เด็ก 2-3 คนว่าเอา 2-3 คนปั้นให้ติดทีมชาติ แต่วิทยาลัยอีสานเหนือเน้นหนักไปที่เราจะทำอย่างให้เด็ก 80 เปอร์เซ็นต์ของวิทยาลัยเรียนรู้ได้อย่างมีทักษะอย่างมีวิชาชีพ อย่างแท้จริง

สำหรับคนที่โดดเด่น ก็คือ โอเค หมายถึงคุณโดดเด่นนั้นคือคุณเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นคนส่วนใหญ่เราอยากเห็นว่า ถ้าคุณสำเร็จการศึกษาคุณสามารถออกไปประกอบวิชาชีพ คุณสามารถเอาไปหาเลี้ยงตัวเอง มีองค์ความรู้ต่าง ๆ นานา”

ฝึกงานฝึกตนเป็นฝีมือชนคนสร้างชาติ 

องค์ประกอบหนึ่งของความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมของอีสานเหนือโมเดลคือ การจัดหลักสูตรที่เน้นทวิภาคีที่ยั่งยืน เฉลิมพล วุฒินันท์ธนิศา รองฝ่ายทวิภาคี วิทยาลัยเทคโนโลยีอีสานเหนือ เปิดเผยว่า ระบบทวิภาคีที่โดดเด่นของวิทยาลัย เทคโนโลยีอีสานเหนือคือ ทางวิทยาลัยจะคัดเลือกสถานประกอบการ ขั้นตอนแรกคือการจะคัดเลือกสถานประกอบการขั้นตอนที่ดี ที่ผ่านมาวิทยาลัยฯ ทำความร่วมมือกับบริษัทฮอนด้าออโตโมบิล ประเทศไทย จำกัด บริษัทแคนนอนไฮเทคประเทศไทย และ บริษัทโทโฮกุ ไพโอเนียร์ (ประเทศไทย) จำกัด

“สิ่งเหล่านี้คือวัฒนธรรมญี่ปุ่น ซึ่งเขาจะมีระบบและการบริหารงานที่ดี ดังนั้นสิ่งแรกที่เราจะเลือกสถานประกอบการคือ เราจะเลือกจากวัฒนธรรมองค์กรที่ดีก่อน”

แต่ก่อนจะส่งนักเรียนเข้าฝึกงานมีกระบวนการเรียนการสอนตามหลักสูตรเริ่มต้นมาก่อนแล้ว

รองฝ่ายทวิภาคี ของวิทยาลัยฯ กล่าว่า “ส่วนใหญ่กระบวนการจัดทำอีสานเหนือโมเดล คือ ปีที่ 1 เราจะปลูกฝังเกี่ยวกับความเป็นจิตอาสา ปีที่ 2 เราจะให้เด็กเลือกสถานประกอบการโดยที่สถานประกอบการแต่ละบริษัท สถานประกอบการจะเข้ามาประชาสัมพันธ์ที่วิทยาลัย หลังจากนั้นเด็กจะเป็นคนเลือกเอง

ปี 2 เด็กจะเลือกเองว่าไปไหน ปี 3 เด็กจะฝึกฝนเทรนนิ่งทักษะเฉพาะทาง แล้วเด็กจะเทรนนิ่งเฉพาะทาง สุดท้ายเราก็จะให้เด็กเป็นคนเลือก เด็กผู้ชายจะไปฮอนด้า เด็กผู้หญิงหรือสายพาณิชย์จะไปสายบริหารหรือแคนนอน”

แต่กว่าจะได้รูปแบบที่เป็นแบบอย่างได้อย่างทุกวันนี้ก็มีการลองผิดลองถูกมาด้วยเช่นกัน


“...ก่อนนี้เมื่อเราจะทำแรก ๆ ก็จะเกิดปัญหาเด็กไม่มีความพร้อม แต่หลังจากที่เราทำมาได้ตอนนี้ 10 ปีแล้ว สิ่งที่เราได้ตอนนี้ คือมีความพร้อมแล้ว เพราะว่าที่เกิดขึ้นในปีแรก ๆ เราเอามาปรับปรุงแก้ไข ตอนนี้เราได้รับการยอมรับจากสถานประกอบการว่าเด็กเรามีความอดทนมีระเบียบวินัย และที่สำคัญคือเด็กมีความองค์กร ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเรียกว่านิสัยอุตสาหกรรม เพราะว่าวิทยาลัยของเราส่งเด็กไปฝึกงาน 1 ปี ซึ่งแตกต่างจากหลาย ๆ สถาบัน ซึ่งบางสถาบันปีฝึก 4 เดือน 6 เดือน แต่เราไปฝึก 1 ปีครับ เพราะเราเชื่อว่า 1 ปีจะหล่อหลอมเด็ก”


หล่อหลอมวินัยด้วยวัฒนธรรมองค์กร

แล้วทำไมต้องบริษัทญี่ปุ่น คำตอบของผู้บริหารท่านนี้คือ   “บริษัทญี่ปุ่นจะหล่อหลอมเด็กให้มีนิสัยอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นนิสัยที่สถานประกอบการอย่างได้เพราะว่าปัจจุบันนี่ สถานประกอบการไม่อยากได้คนเก่ง แต่อยากได้คนที่มีความอดทนมีระเบียบวินัยมีความรักองค์กร คุณภาพของเด็กที่เกิดขึ้นอาจจะไม่ได้ขึ้นกับสถานประกอบการ แต่ขึ้นอยู่กับจำนวนสถานประกอบการที่มีคุณภาพ



ดังนั้นในอนาคตสถานประกอบการที่มีคุณภาพ ในการที่ให้เด็กไปสถานประกอบการคิดว่านะจะเพิ่มแต่ต้องคิดดูอยู่ที่คุณภาพ และระบบการดูแลของสถาน ประกอบการ

…ส่วนเหตุผลที่ทางวิทยาลัยต้องส่งนักศึกษาไปฝึกงานไกล ๆ อย่างที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ อยุธยา เพราะว่าเราคิดว่าถ้าเด็กอยู่ภายใต้โอบกอดของผู้ปกครอง ถ้าเด็กเหนื่อยลำบาก เด็กก็จะหยุดฝึกงานเลย โดยที่พ่อแม่ไม่มี พาว์เวอร์ให้เด็กกลับไปฝึกงานได้เลย แต่ถ้าเราเอาเด็กไปไกลสักนิดหนึ่ง ก่อนที่จะตัดสินใจก็ต้องตัดสินใจอย่างดี แล้วเราก็เด็ดขาดพอนะครับที่จะพอว่าถ้านักศึกษาไม่มีความสามารถพอที่จะอยู่ในกระบวนการเรียนรู้อย่างนี้ได้”

ในส่วนตัวนักศึกษาที่ผ่านการฝึกงานมา 2 คนที่เข้ามาเรียน ปวส.2 ก่อนจบการศึกษา มีความเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นบ้าง มีคำบอกเล่า

วีระชัย สินศิริ ปวส. 2 บอกว่า ไปฝึกงานที่ บริษัทโทโฮกุ ไพโอเนียร์(ประเทศไทย) จำกัด ทำเกี่ยวกับควบคุมกับเครื่องจักรการปั้มขึ้นรูป

“ถึงตอนนี้ผมก็ฝึกความอดทน คือเข้ากะดึก กะเช้า 2 คือการอยู่หอร่วมกับเพื่อน แล้วก็ตรงต่อเวลา”

กิตติมา ทิพย์สุภา ปวส. 2 กันเช่น บอกว่า “หนูจะอยู่ในเรื่องพิมพ์ที่จะเป็นเครื่องอะไหล่ของเครื่องเสียง ประสบการณ์ที่ได้จากการฝึกงานได้หลายอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องความอดทน ความขยัน แล้วก็การตรงต่อเวลาเพราะว่า ตัวหนูเองฐานะไม่ค่อยดี พ่อแม่ก็ทำงานทุกวัน โดยที่อยากให้ลูกมีการศึกษาที่ดี สิ่งทีไ่ด้นอกจากความมีวินัยแล้วยังมีความรักองค์กร จากที่ไม่เคยทำงานแล้วมาได้เงินเดือนหนึ่งหมื่นแปดพันบาทถือว่าสูงมาก สำหรับนักศึกษาธรรมดาคนหนึ่งแล้วก็ยังสามารถ ก็สามารถส่งกลับครอบครัว ให้มีรายได้และสามารถสร้างฝัน อีกหนึ่งฝันคือสร้างบ้านหลังใหม่ให้แม่ได้อีก”

หลังผ่านการฝึกงานมานักศึกษาเป็นอย่างไรบ้างพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง เมื่อมาเรียนอีก 1 ปี ก่อนจบการศึกษา รองฝ่ายทวิภาคี วิทยาลัยเทคโนโลยีอีสานเหนือ กล่าวว่า

“อย่างแรกคือการมีระเบียบวินัยของเขา มาเข้าแถวทุกเช้าด้านระเบียบวินัยเครื่องแต่งกายนี่ต้องบอกว่าแป๊ะมาก และที่สำคัญคือเขามีใจอยากที่จะเรียน เมื่อก่อนตอนอยู่ ปวช 2-3 เด็กไม่ตั้งใจเรียน จะรู้สึกว่าตัวเองยังไม่เห็นความสำคัญของการทำงาน แต่พอหลังเด็กกลับมาเด็จจะตั้งใจเรียนมาก

แล้วพอเรายกตัวอย่างอะไรเกี่ยวเกียวโลกภายนอกเด็กเด็กก็จะเข้าใจครับ เหมือนกับว่าเราเรียน Inside Out เรียนจากข้างนอกมา แล้วพอเรายกตัวอย่างเขาจะเข้าใจ

สุดท้ายเด็กรู้จักการเก็บเงิน เพราะว่าเด็กได้ไปฝึกอาชีพทำให้รู้ว่าเงินมีค่า ก่อนที่เขาจะขอพ่อแม่แต่ละบาทเมื่อก่อนเขาขอไม่ได้คิดปัจจุบันนี้เด็กรู้จักการใช้เงินมากครับ ซึ่งผมคิดว่าเป็นสิ่งสำคัญที่เยาวชนไทยในอนาคตต้องมีครับ”

วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2559

ก.ค.ศ.อนุมัติครู-ผู้บริหาร-ศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญ 19 ราย

นายธนัท ไชยทิพย์
โรงเรียนมัญจาศึกษา
จังหวัดขอนแก่น สพม. เขต 25
นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (เลขาธิการ ก.ค.ศ.) เปิดเผยว่าในการประชุม อ.ก.ค.ศ. วิสามัญเกี่ยวกับวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ครั้งที่ 3/2559 เมื่อวันพุธที่ 23 มีนาคม 2559 โดยมีนายสุขุม เฉลยทรัพย์ เป็นประธาน ได้มีมติอนุมัติให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีและเลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญ จำนวน 19 ราย ได้แก่ ผู้อำนวยการเชี่ยวชาญ 4 ราย รองผู้อำนวยการเชี่ยวชาญ 1 ราย ศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญ 1 ราย และครูเชี่ยวชาญ 13 ราย ดังนี้


หลักเกณฑ์ฯ ว 17/2552 เลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญ จำนวน 4 ราย ดังนี้

1) เลื่อนเป็นวิทยฐานะครูเชี่ยวชาญ จำนวน 2 ราย ได้แก่ 
- นางมลิวรรณ เขจรศาสตร์ โรงเรียนคำโพนทองบริบูรณ์ราษฎร์บำรุง สพป. กาฬสินธุ์ เขต 3
- นางชุติกาญจน์ ทองพานิช โรงเรียนอนุบาลมวกเหล็ก สพป. สระบุรี เขต 2

2) เลื่อนเป็นวิทยฐานะศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญ จำนวน 1 ราย ได้แก่ 
- นางสาวศิริ แคนสา จังหวัดชัยภูมิ สพม. เขต 30

3) เลื่อนเป็นวิทยฐานะผู้อำนวยการเชี่ยวชาญ จำนวน 1 ราย ได้แก่
- นายธนัท ไชยทิพย์ โรงเรียนมัญจาศึกษา จังหวัดขอนแก่น สพม. เขต 25

  หลักเกณฑ์ฯ ว 13/2556 เลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญ จำนวน 15 ราย ดังนี้

1) เลื่อนเป็นวิทยฐานะครูเชี่ยวชาญ จำนวน 11 ราย ได้แก่
- นางสาวประทีป ใจมงคล โรงเรียนบ้านบัวชุม สพป. ลพบุรี เขต 2
- นางขวัญยืน เรืองรัตนภูมิ โรงเรียนชุมชนบ้านหลุมรัง สพป. กาญจนบุรี เขต 4
- นางปณัฏฐา ศรเดช โรงเรียนอนุบาลระยอง สพป. ระยอง เขต 1
- นางอนุช พลลาภ โรงเรียนมหาสารคามพิทยาคม จังหวัดมหาสารคาม สพม. เขต 26
- นางเรวดี บุญแย้ม โรงเรียนเบญจมราชาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กรุงเทพมหานคร สพม. เขต ๑
- นางจินตนา เทอดศักดิ์เดชา โรงเรียนชุมชนบ้านจอก (คอนสวรรค์วิทยากร) สพป. ชัยภูมิ เขต ๑
- นางนพรัตน์ อินทโลหิต โรงเรียนอนุบาลเมืองนครสวรรค์ (เขากบ วิวรณ์สุขวิทยา) สพป. นครสวรรค์ เขต 1
- นางสาวอาพร มะสุทธิ โรงเรียนชุมชนวัดจงโก มิตรภาพที่ 157 สพป. ลพบุรี เขต 2
- นางณัฐชนา ลาวัณยกุล โรงเรียนโสตศึกษาอนุสารสุนทร จังหวัดเชียงใหม่ สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ
- นางระเบียบ สุจิตตกุล โรงเรียนหนองกุงศรีวิทยาคม สพป. กาฬสินธุ์ เขต 2
- นางละออง ล่องแก้ว โรงเรียนบ้านเขากอบ สพป. ตรัง เขต 2

2) เลื่อนเป็นวิทยฐานะรองผู้อำนวยการเชี่ยวชาญ จำนวน 1 ราย ได้แก่ 
- ร.ต. ประชา พรชัยกุล โรงเรียนวังจันทร์ จังหวัดระยอง สพม. เขต 18

3) เลื่อนเป็นวิทยฐานะผู้อำนวยการเชี่ยวชาญ จำนวน 3 ราย ได้แก่ 
- นายคมสรณ์ นิธิปรีชา โรงเรียนบ้านโป่งแดงน้ำฉ่าสามัคคี สพป. นครราชสีมา เขต 5,
- นายสัญชัย ขวัญมา โรงเรียนบ้านยางวิทยา สพป. นครราชสีมา เขต 7
- นายภูริต คันธชุมภู โรงเรียนวังเหนือวิทยา จังหวัดลำปาง สพม. เขต 35

เผยรายชื่อพระ-เณรสอบได้เปรียญ 9 - ผู้หญิงเก่งซิวบาลีศึกษา 9

ข้อมูล : นสพ.ข่าวสด


28 มี.ค.2559 : ณ ศาลาอบรมสงฆ์ วัดสามพระยา เขตพระนคร กรุงเทพฯ สำนักงานแม่กองบาลีสนามหลวง จัดตรวจผลสอบประโยคบาลีสนามหลวง ประจำปี พ.ศ.2559 ตั้งแต่ระดับ ประโยค 1-2 ถึงระดับ ป.ธ.9 และประกาศผลสอบประโยคบาลีสนามหลวงอย่างเป็นทางการ โดยมีพระพรหมโมลี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ กรรมการมหาเถรสมาคม ในฐานะแม่กองบาลีสนามหลวง เป็นประธาน

บรรยากาศทั่วไปเป็นไปด้วยความคึกคัก มีพระภิกษุและสามเณรจากวัดต่างๆ รวมไปถึงญาติพี่น้องและคณะศิษยานุศิษย์ เดินทางมาร่วมรอรับฟังผลสอบด้วยใจระทึกเป็นจำนวนมาก ท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าว

จนกระทั่ง คณะกรรมการตรวจผลสอบประโยคบาลีสนามหลวง ได้ตรวจทานความถูกต้องจนเสร็จเรียบร้อย พระพรหมโมลี ประกอบพิธีสวดมนต์

ต่อจากนั้น พระพรหมดิลก รองเลขานุการแม่กองบาลีสนามหลวง กล่าวรายงานจำนวนสถิติผู้เข้าสอบเปรียญธรรมต่อแม่กองบาลีสนามหลวงว่าปีนี้มีพระภิกษุ-สามเณร สอบได้ประโยคบาลีสนามหลวง ป.ธ.9 จำนวน 44 รูป มีสามเณรที่สอบได้ ป.ธ.9 จำนวนทั้งสิ้น 7 รูป มีวัดหรือสำนักเรียนที่มีพระภิกษุ-สามเณร สอบได้ ป.ธ.9 มากที่สุด มี 3 วัด สอบได้ 3 รูป คือ วัดสร้อยทอง, วัดสามพระยา และวัดจองคำ จ.ลำปาง

สำหรับรายชื่อผู้สอบประโยคบาลี สนามหลวง ป.ธ.9 ประจำปี 2559 มีดังนี้

1.พระมหานักรบ อรินทโม วัดเทพลีลา
2.พระมหากฤษดา กิตติสัจโจ วัดเทพลีลา
3.พระมหาชินวัฒน์ ปภัสสโร วัดบพิตรพิมุข
4.พระมหาสายชล อัคคธัมโม วัดเทวราชกุญชร
5.พระจักริน ป. รตนวโร วัดปทุมวนาราม
6.พระมหาพงษ์ทวี กิตติภัทโท วัดพรหมวงศาราม
7.พระมหาเอื้อ ปริปุณโณ วัดอภัยทายาราม
8.พระมหาศรชัย ธัมมิโกภาโส วัดศรีเอี่ยม
9.พระมหาสมพงษ์ กิตติภัทโท วัดสร้อยทอง
10.พระมหาสมชาย เขมานันโท วัดสร้อยทอง

11.สามเณรนฤเบศ สิขะโต วัดสร้อยทอง
12.พระมหาธวัชชัย สิริธโช วัดสระเกศ
13.พระมหาชูศักดิ์ ธัมมสโร วัดสามพระยา
14.พระมหาอรรถพล ปัญญาโชติ วัดสามพระยา
15.สามเณรกวีศักดิ์ วาปีกุลเศรษฐ์ วัดสามพระยา
16.พระมหาบุญส่ง วรวีโร วัดสุทัศนเทพวราราม
17.พระมหาจุลพล สารทัสสี วัดสุทัศนเทพวราราม
18.พระมหาวรจักษ์ วรจักกวัฑฒโน วัดเสมียนนารี
19.พระมหาวิลัย วรกวินโท วัดหัวลำโพง
20.พระมหากิตติศักดิ์ จัตตมโล วัดบางนานอก

21.พระมหาวิทยา ชยวุฑโฒ วัดทองธรรมชาติ
22.พระมหาสายฝน มณิโชติ วัดปากน้ำ
23.พระมหาเอกชัย เอกัญชโย วัดปากน้ำ
24.พระมหาชาตรี ธัมมัฏฐิติ วัดจันทาราม
25.พระมหาทัศพล คันธวโร วัดโมลีโลกยาราม
26.พระมหาจตุภูมิ ภูมิเวที วัดโมลีโลกยาราม
27.พระมหาเอกชัย อาภาธโร วัดอรุณราชวราราม
28.พระมหาศุภณัฐ จันทชโย วัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี
29.พระมหากฤษดา โอภาโส วัดจากแดง จ.สมุทรปราการ
30.พระมหาทรงชัย อัคคปัญโญ วัดจากแดง จ.สมุทรปราการ

31.สามเณรทองสุข พรหมมีเดช วัดพิพัฒน์มงคล จ.สุโขทัย
32.สามเณรสมยศ ดาทอง วัดจองคำ จ.ลำปาง
33.สามเณรรัฐพล อักษรพิมพ์ วัดจองคำ จ.ลำปาง
34.สามเณรฤทธิรงค์ เสนาน้อย วัดจองคำ จ.ลำปาง
35.พระมหาวรวัฒน์ วรวัฑฒโน วัดสวนดอก จ.เชียงใหม่
36.พระมหาธนิต ธนิโต วัดอุโมงค์ (สวนพุทธธรรม) จ.เชียงใหม่
37.พระมหาสิทธิชัย เตชวัณโณ วัดชัยมงคล จ.เชียงใหม่
38.พระมหาคัมภีร์ ภูริวัฑฒโน วัดพระธาตุศรีจอมทอง จ.เชียงใหม่
39.สามเณรธนธรณ์ คูสูงเนิน วัดไวกูลฐาราม จ.อุดรธานี
40.พระมหาประทวน อาภัสสโร วัดสายทอง หนองบัวลำภู

41.พระมหาวิทวัฒน์ วิวัฑฒนเมธี วัดสว่างหัวนาคำ จ.กาฬสินธุ์
42.พระมหาสิงหา อาภัส   สโร วัดชัยมงคล จ.ชลบุรี
43.พระมหาอมรเทพ วรธัมโม วัดทับไทร จ.จันทบุรี
44.พระมหาบดินทร์ ญาณาวุโธ วัดไชยชุมพลชนะสงคราม จ.กาญจนบุรี

นอกจากนี้ ยังมีผู้สอบประโยคบาลีศึกษา 9 (บ.ศ.9)ได้ด้วย จำนวน 1 คน จากผู้เข้าสอบ 3 คน ได้แก่ น.ส.สิรินุช บุสโร อายุ 41 ปี สำนักเรียนวัดพระธรรมกาย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี

สำหรับสามเณรที่สอบได้ ป.ธ.9 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับเป็นนาคหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์


ทั้งนี้ บัญชีรายชื่อผู้สอบประโยคบาลีสนามหลวงทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ประจำปี 2558 มีสถิติที่น่าสนใจ คือ

ป.ธ.9 มีผู้เข้าสอบ 348 รูป สอบได้ 44 รูป
ป.ธ.8 มีผู้เข้าสอบ 397 รูป สอบได้ 34 รูป
ป.ธ.7 มีผู้เข้าสอบ 545 รูป สอบได้ 142 รูป
ป.ธ.6 มีผู้เข้าสอบ 552 รูป สอบได้ 232 รูป
ป.ธ.5 มีผู้เข้าสอบ 1,011 รูป สอบได้ 324 รูป
ป.ธ.4 มีผู้เข้าสอบ 1,801 รูป สอบได้ 484 รูป
ป.ธ.3 มีผู้เข้าสอบ 4,039 รูป สอบได้ 308 รูป
และ ป.ธ.1-2 มี  ผู้เข้าสอบ 14,293 รูป สอบได้ 1,187 รูป
รวมผู้เข้าสอบ 22,986 รูป สอบได้ 2,755 รูป

ศธ.ออกคำสั่งแต่งตั้งข้าราชการปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัด

รศ.นพ.กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้ออกคำสั่งกระทรวงศึกษาธิการ ที่ สป 406/2559 เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัด จำนวน 77 ราย ดังนี้

นายสมยศ ศิริบรรณ
ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากรุงเทพมหานคร
ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดกรุงเทพมหานคร
1) ว่าที่ ร.ต.นรินทร์ สาโร ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดกระบี่
2) นายสมยศ ศิริบรรณ ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดกรุงเทพมหานคร
3) นายอนันต์ กัลปะ ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี
4) นายกิตติพศ พลพิลา ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดกาฬสินธุ์
5) นายรมย์ พะโยม ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดกำแพงเพชร
6) นายเชิดศักดิ์ ศรีสง่าชัย ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดขอนแก่น
7) นายมนตรี ทัดเทียม ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดจันทบุรี
8) นายกวินทร์เกียรติ นนธ์พละ ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดฉะเชิงเทรา
9) นายวสันต์ นาวเหนียว ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดชลบุรี
10) นางสาวศศิธร วงษ์เมตตา ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดชัยนาท
11) นายธนชน มุทาพร ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดชัยภูมิ
12) นายวัลลพ สงวนนาม ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดชุมพร
13) นายนพรัตน์ อู่ทอง ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดเชียงราย
14) นายทวนทอง ศรีสวัสดิ์ ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดเชียงใหม่
15) นายฉลอง พูลสุทธิ์ ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดตรัง
16) นายวัลลภ รองพล ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดตราด
17) นายสมวุฒิ ศรีอำไพ ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดตาก
18) นายไพจิต ไชยฤทธิ์ ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดนครนายก
19) นายอธิวัฒน์ พันธ์ประชา ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดนครปฐม
20) นายเพิ่มพูน พงษ์พวงเพชร ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดนครพนม
21) นายไพศาล วุฑฒิลานนท์ ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดนครราชสีมา
22) นายประหยัด อนุศิลป์ ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดนครศรีธรรมราช
23) นายเพชรรัตน์ นิ่มพันธุ์ ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดนครสวรรค์
24) นายกำจัด คงหนู ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดนนทบุรี
25) นายประหยัด สุขขี ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดนราธิวาส
26) นายชูเกียรติ ด่านธนะทรัพย์ ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดน่าน
27) นายสุพจน์ เจียมใจ ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดบุรีรัมย์
28) นายพัฒนะ งามสูงเนิน ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดปทุมธานี
29) นายบุญเทียม อังสวัสดิ์ ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
30) นายดำเนิน เพียรค้า ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดปราจีนบุรี
31) นายอรรถสิทธิ์ รัตนแคล้ว ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดปัตตานี
32) นายอารักษ์ พัฒนถาวร ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
33) นายเอกชัย ผาบไชย ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดพะเยา
34) นายสุรพันธ์ โกยวาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดพังงา
35) นายเจียร ทองนุ่น ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดพัทลุง
36) นายพงษ์ชัย ไทยวรรณศรี ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดพิจิตร
37) นายวิวัฒน์ อ้นน่วม ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดพิษณุโลก
38) นายกนก ปิ่นตบแต่ง ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดเพชรบุรี
39) นายธวัช กงเดิม ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดเพชรบูรณ์
40) นายกิตติพงศ์ ราชสิกข์ ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดแพร่
41) นายประจักษ์ ช่างเรือ ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดภูเก็ต
42) ว่าที่ ร.ต.ธนุ วงษ์จินดา ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดมหาสารคาม
43) นายมารุต อุปนิสากร ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดมุกดาหาร
44) นายสมรักษ์ ถวาย ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดแม่ฮ่องสอน
45) นายชาญชัย รสจันทร์ ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดยโสธร
46) นายอาดุลย์ พรมแสง ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดยะลา
47) นายอธิปปรัชญ์ ภัควัฒน์ภักดี ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดร้อยเอ็ด
48) นายปรีชา บัวกิ่ง ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดระนอง
49) นายธวัชชัย อุ่ยพานิช ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดระยอง
50) นายรังสรรค์ อ้วนวิจิตร ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดราชบุรี
51) นายปัญญา แก้วเหล็ก ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดลพบุรี
52) นายสุทิน แก้วพนา ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดลำปาง
53) นายวิญญู สันติภาพวิวัฒนา ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดลำพูน
54) นายรอง ปัญสังกา ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดเลย
55) นายชอุ่ม กรไกร ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดศรีสะเกษ
56) นายเทวรัฐ โตไทยะ ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดสกลนคร
57) นายสันติ แสงระวี ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดสงขลา
58) นายนิสิต ชายภักตร์ ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดสตูล
59) นายชลิต เพ็ชรรัตน์ ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดสมุทรปราการ
60) นายวินัย ศรีเจริญ ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดสมุทรสงคราม
61) นายปรีดี ภูสีน้ำ ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดสมุทรสาคร
62) นายไสว สารีบท ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดสระแก้ว
63) นายธันวา ดีช่วย ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดสระบุรี
64) นายสุเมธี จันทร์หอม ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดสิงห์บุรี
65) นายพยอม วงษ์พูล ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดสุโขทัย
66) นายจักรพรรดิ์ จิตมณี ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดสุพรรณบุรี
67) นายชุมพล ศรีสังข์ ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดสุราษฎร์ธานี
68) นายกฤตพล ชุติกุลกีรติ ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดสุรินทร์
69) นายอัมพร พินะสา ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดหนองคาย
70) นายธีรพงษ์ สารแสน ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดบึงกาฬ
71) นางละออตา พงษ์ฤทัศน์ ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดหนองบัวลำภู
72) นายสุดใจ มอญรัต ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดอ่างทอง
73) นายอดุลย์ กองทอง ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดอำนาจเจริญ
74) นายประเวศ รัตนวงศ์ ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดอุดรธานี
75) นายอมรศักดิ์ ปิ่นทอง ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดอุตรดิตถ์
76) นายศักดา แสงทอง ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดอุทัยธานี
77) นายวิชัย แสงศรี ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัดอุบลราชธานี

วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2559

วท.ถลาง กับความท้าทายเปิดหลักสูตรการช่างอากาศยาน

เริ่อง : ธวัชชัย  หนูอินทร์  ผอ.วิทยาลัยเทคนิคถลาง


จากวิสัยทัศน์ของวิทยาลัยเทคนิคถลางที่ว่า ผลิตและพัฒนากำลังคนด้านวิชาชีพที่หลากหลายทุกระดับให้มีสมรรถนะตามมาตรฐานวิชาชีพและความต้องการของตลาดแรงงาน บริการวิชาการ และวิชาชีพสู่ชุมชน เน้นการบริหารจัดการโดยยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับสถานประกอบการและชุมชน

ประกอบกับพันธกิจที่ 1 หัวข้อที่ 1. คือ การสร้างโอกาสทางการศึกษาวิชาชีพ และข้อ 5. การจัดการเรียนการสอนหลากหลายรูปแบบเพื่อตอบสนองความต้องการ ของชุมชนและท้องถิ่น รวมกับ พันธกิจที่ 5 ข้อ 2. การขยายเครือข่ายความร่วมมือกับสถานประกอบการและองค์กรวิชาชีพ และข้อ 3. การสร้างและพัฒนาเครือข่ายอาชีวศึกษาร่วมกับสถานศึกษาสังกัด

จึงทำให้เกิด “หลักสูตรการช่างอากาศยาน” ในระดับ   ปวส.ขึ้นในการเรียนการสอนของ วท.ถลาง

จุดเริ่มของหลักสูตรถือว่าเป็นหลักสูตรแรกของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) โดยมีความเป็นมาจากสถานประกอบการเข้ามาปรึกษาให้วิทยาลัยช่วยกันพัฒนากำลังคนด้านอากาศยาน ซึ่งเป็นที่ขาดแคลนในตลาด ประกอบกับสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ประกอบกับวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของท่านเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษาดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ และผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา อนุมัติหลักสูตรนี้ ทางวิทยาลัยจึงดำเนินเปิดหลักสูตรการช่างอากาศยานขึ้นมา

รูปแบบการเรียนการสอน

ในรูปแบบการเรียน นักศึกษาจะเรียนที่วิทยาลัย 1 ปีแล้วก็จะออกไปอยู่สถานประกอบการอีก 1 ปี  ในวิทยาลัยก็จะเรียนเกี่ยวกับวิชาชีพพื้นฐาน ทักษะพื้นฐานที่จำเป็น โดยก็ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญ วิทยากรที่มีประสบการณ์เฉพาะทางด้านอากาศยานมาเป็อาจารย์พิเศษด้วย

เพราะฉะนั้นนักศึกษาที่จบการศึกษาไปแล้วจะมีการเรียนพื้นฐานเกี่ยวกับอากาศยานทุกอย่าง เข้าใจภาษาของนักบินตลอดจนวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือที่ใช้ในอากาศยาน เน้นวัสดุช่างและเทคนิคพื้นฐานทางด้านช่างต่างๆ

ส่วนวิชากลุ่มพื้นฐาน สาขาช่างอุตสาหกรรมก็เรียนตามปกติแล้วเหมือน หลักสูตรระดับ ปวช. หรือ ปวส.ในวิทยาลัยอื่นและวิชาเหฃ่านนี้จะสอนในวิทยาลัย

การเรียนแนวคิดเรื่องเครื่องบินลักษณะพื้นฐานของเครื่องบินจะไม่ต่างกันมาก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบินเล็ก เฮลิคอปเตอร์ หรือเครื่องบินพาณิชย์ หลักการทำงานจะใกล้เคียงกัน เด็กเราก็จะเรียนหลากหลาย พื้นฐานของอาจารย์ที่เรียนเชิญมาก็มาจากสถาบันการพลเรือนบ้าง การบินไทยบ้าง และของบริษัทต่างๆ ด้วย

หนังสือ หรือตำราจะนำมาจากต่างประเทศ ส่วนใหญ่จะเป็นภาษาอังกฤษ เพราะว่าหนังสือที่เกี่ยวกับด้านนี้ในเมืองไทยมีค่อนข้างน้อย

การเรียนนอกห้องเรียนก็จะไปเรียนในสถานประกอบการอาจจะไปฝึกที่สายการบิน สนามบิน แล้วก็บริษัทที่เกี่ยวข้อง ที่ได้ทำความร่วมมือเอาไว้ เพื่อที่นักเรียนจะได้ฝึกปฏิบัติจริงๆ นำไปใช้จริงๆ และได้ใช้ความรู้ความสามารถอย่างเต็มที่

ตอนนี้ดำเนินการมา 1 ปี  ที่ผ่านมาเราได้ประเมินดูคร่าวๆ แล้วเห็นว่านักศึกษามีความเชื่อมั่น มีความมั่นใจ ในช่วงปิดภาคเรียนเล็กๆนักศึกษาได้ไปฝึกงานในบริษัทเกี่ยวกับการรับเครื่องบิน ก็ได้รับการตอบรับจากสถานประกอบการและได้รับคำชื่นชมมาว่าเด็กมีความตั้งใจศึกษาและสามารถเรียนรู้ได้ดี
สำหรับบรรยากาศในการรับสมัคร ในภาคเรียน  2559  ที่ผ่านไปก็จะรับนักเรียนเพิ่มขึ้นจาก 23 คน ปีนี้จะรับเป็น 30 คน โดยนักเรียนจะผ่านการทดสอบจากผู้เชี่ยวชาญร่วมกับวิทยาลัยในการคัดกรอง สอบสัมภาษณ์ ในเรื่องของพื้นฐานด้านภาษาอังกฤษแล้วก็ความสนใจในทางด้านเครื่องบิน

ผู้เขียนเคยถามนักศึกษาที่เรียนสาขานี้ ว่าทำไมถึงอยากเรียน อิศรพงศ์ พาพรมราช ปวส.1 แผนกช่างอากาศยาน บอกว่า “ที่มาเรียนสาขานี้เป็นสาขาที่น่าสนใจยังไม่ได้เปิดกันเยอะแล้วก็เป็นงานที่น่าสนใจและท้าทาย ทำงานเกี่ยวกับเครื่องบินมันอันตรายก็จริงแต่ว่าค่าตอบแทนก็สูงด้วย”

ซึ่งการเรียนของเราที่นี่มีการเรียน Flight Control. ระบบไฮดรอลิค ระบบไฟฟ้าบนเครื่องบิน ระบบแลนนิ่งเกียร์ (landing gear) เรียนระบบทุกอย่างในเครื่องบิน เมื่อเรียนแล้วก็ได้รับการฝึก Marshalling ก็คือการโบกให้เครื่องบินจอดที่หลุม ช่วงปิดภาคเรียนเด็กไปฝึกปฏิบัติตามที่เรียนในรายวิชาฝึกการรับเครื่องและตรวจเช็คเบื้องต้น (walk around check) ในการตรวจอากาศยานรักษาให้เครื่องสมบูรณ์ แล้วเราก็ฝึกการเติมน้ำมัน และที่สำคัญเลยคือเราฝึกส่งเครื่องก็คือการดูระบบต่างๆ ด้วย

ถามนักศึกษาต่อว่าแล้วก็มีความประทับใจในการฝึกเด็กก็ตอบ

"ประทับใจห้องทำงาน เป็นห้องทำงานที่โล่งแจ้ง ถึงแม้มันจะร้อนแต่มันท้าทายมากครับ แล้วก็ประทับใจรุ่นพี่ แอร์โฮสเตส นักบิน เพราะเราต้องสื่อสารกับทุกคนเยอะเลย

ผมอยากเป็นนายช่างที่สามารถเซ็นปล่อยเครื่องส่งคนเดินอากาศได้ครับ เป็น licence วิศวกร จบ ปวส.นี้เราสามารถทำงานได้เลยโดยทำงาน 4 ปี เราสามารถสอบลายเส้นของไฟล์ทได้ครับ ก็คือเป็น licence หรือเป็นใบประกอบวิชาชีพ”

ความสำเร็จคือได้รับร่วมมือจากผู้ประกอบการ



เราเปิดสอนสาขาหลักสูตรการช่างอากาศยานนี้ได้เพราะได้รับความร่วมมือกับสถานประกอบการอย่างสถาบันการบินพลเรือน ก็ให้ตัวเครื่องบินมาเป็นสื่อการสอน ให้นักศึกษาได้รู้เรื่องเครื่องยนต์ลูกสูบ  เครื่องยนต์แก๊สเทอร์ไบน์  

และกองทัพอากาศได้อนุเคราะห์เครื่องยนต์แคสเตอร์บายให้นักศึกษาได้ศึกษาขั้นตอนหลักการทำงาน ชิ้นส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับทางด้านช่างอากาศยาน

...หรือเมื่อเปิดการสอนแล้วสถานประกอบการก็ได้รับการตอบรับที่ดี หลายๆ สายการบินและบริษัทที่เราได้นำเด็กไปฝึกก็ยินดีที่จะรับนักศึกษาของเราเข้าไปฝึก และร่วมพัฒนานักศึกษาร่วมกัน

ส่วนปัญหาอุปสรรคในขณะนี้ช่างอากาศยานถือว่าเป็นสาขาใหม่ อุปสรรคที่เกิดถ้าจะกล่าวภาพรวมหลักสูตรนี้ก็คือบุคลากรของอาชีวะยังมีไม่เพียงพอและต้องใช้ผู้เชียวชาญจากภาคีเครือข่ายที่ได้ไปทำความร่วมมือ ในระยะยาวความยั่งยืนอาจจะมีปัญหาอยู่บ้าง เช่น ว่าเกิดมีการติดขัดอะไรสักอย่างเราต้องหาตัวสำรอง ต้องวางแผนไว้ล่วงหน้า ในการบริหารจัดการค่อนข้างที่จะยากและใช้งบประมานอยู่พอสมควร

อนาคตของผู้สำเร็จการศึกษาสามารถทำงานในด้านช่างอากาศยานได้และยังสามารถเก็บเกี่ยวประสบการเพื่อที่จะไปสอบใบอนุญาตทางด้านมาตรฐานสากลต่างๆ เพื่อที่จะได้ไปในระดับที่สูงยิ่งขึ้น

เป้าหมายของการพัฒนาในอนาคต

ตอนนี้ทางวิทยาลัยเปิดหลักสูตรถึงระดับ ปวส.  ซึ่งก็หวังว่านักศึกษาของเราเมื่อจบไปแล้วมีงานรองรับเงินเดือนมากกว่าปริญญาตรี แต่ก็สามารถไปศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีได้ ในสาขาวิศวกรรมการบิน และแนวโน้มในอนาคตทางอาชีวะเองก็อยากเปิดถึงระดับปริญญาตรีเพื่อที่จะได้รองรับนักศึกษาที่จบไปได้กลับมาในระบบการศึกษาปริญญาตรีของอาชีวะ

แนวโน้มในอนาคตก็จะจะปรับพื้นฐานเป็นอิงลิชโปรแกรมด้วย ถ้าเป็นไปได้ในเรื่องของการพัฒนาบุคลากรอยากจะให้ผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานการอาชีวะศึกษาได้สนับสนุน อาจจะเป็นนักเรียนหรือครูอาจารย์ที่ได้ไปศึกษาต่อในด้านนี้แล้วกลับมาเป็นครูอาจารย์เพื่อที่จะให้ยั่งยืนยิ่งขึ้น

ถึงขณะนี้วิทยาลัยเทคนิคถลาง ถือว่าเป็นต้นแบบ แต่ก็ยินดีที่จะแบ่งบันประสบการณ์ในการเปิดเรียนสาขานี้ ผ่านมามาก็ยินดีที่เพื่อนจาก วิทยาลัย อื่นในสังกัด สอศ. มาดูงานเ เช่น วิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง วิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ วิทยาลัยการอาชีพปัตตานี แล้วก็วิทยาลัยเทคนิคกระบี่ที่เข้าไปดูงาน ไปศึกษาความเป็นไปได้ที่จะเปิดหลักสูตร

กล่าวโดยสรุป คือการเรียนสาขาช่างอากาศยานเรามีฝึกการปฏิบัติจริง เมื่อจบไปสถานประกอบการรองรับ 100% แน่นอน โดยเฉพาะสาขาช่างอากาศยานเป็นสาขาที่ตลาดมีความต้องการ ก็อยากจะเชิญชวนนักเรียนนักศึกษาที่มีความสนใจ ที่มีใจที่จะศึกษาทางด้านช่างอากาศยานและชอบทางด้านการบิน ก็ขอเชิญชวนมาที่วิทยาลัยเทคนิคถลาง สามารถเข้ามาดูทางเว็บไซด์ของเรา หรือว่าเบอร์โทรศัพท์ของวิทยาลัยตอนนี้ เปิดรับสมัครนักศึกษารุ่นที่ 2 ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นทางเลือกและจะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติต่อไป

สุดท้ายลูกหม้อของชาวอาชีวศึกษา จึงอย่างฝากข้อคิดไว้ใน “บันทึกจากรุ่นพี่” ว่า

คุณคิดอยากเป็นอะไร จะเป็นอย่างที่คุณคิด ให้กำลังใจทุกๆคนที่มีความฝันและพยายามทำความฝันนั้นให้เป็นความจริง นะครับ “ฝันให้ไกล ไปให้ถึง แสวงหา อย่ารอคอย”

หลักในการทำงาน ในการครองตน ครองคนครองงาน ครองตนด้วย จริยธรรม ครองคนด้วย คุณธรรมครองงานด้วยจรรยาบรรณ

ตลอดระยะเวลาในการทำงานให้สำเร็จใช้ 3 มั่นคือ  ยึดมั่น มุ่งมั่น เชื่อมั่น
- ยึดมั่น ในอุดมการณ์ความเป็นครูเป็นข้าราชการที่ดีของประชาชน เมื่อเหนื่อยล้าท้อแท้ จะนึกถึงในหลวง พระองค์ท่านทรงตรากตรำพระวรกายหาใช่เพื่อพระองค์ท่านแต่เพื่อประชาชนโดยแท้
- มุ่งมั่น ในการทำงานให้สัมฤทธิ์ผล
- เชื่อมั่น ในการตัดสินใจ บนพื้นฐานของการเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ การบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาล


ธวัชชัย  หนูอินทร์
ชาวอําเภอศรีบรรพต  จังหวัดพัทลุง
ประวัติการศึกษา
ปวช.และ ปวส. สาขาช่างไฟฟ้า วิทยาลัยเทคนิคพัทลุง 
หลักสูตรประกาศนียบัตรครูเทคนิคชั้นสูง (ปทส.) สาขาวิชาไฟฟ้า วิทยาลัยเทคนิคนครศรีธรรมราช
ปริญญาตรี ครุศาสตร์อุตสาหกรรมบัณฑิต  วิศวกรรมไฟฟ้า  สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน
ปริญญาโท สาขาการบริหารการศึกษา. คณะศึกษาศาสตร์  มหาวิทยาลัยทักษิณ
ประวัติการทำงาน
บรรจุเป็น อาจารย์ 1 ระดับ 3  สาขาช่างไฟฟ้า  วิทยาลัยเทคนิคนราธิวาส  ก่อนจะย้ายมายังวิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่
รอง ผอ.วิทยาลัยการอาชีพหัวไทร
รอง ผอ.วิทยาลัยประมงติณสูลานนท์  
ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ผอ.วิทยาลัยเทคนิคถลาง
คติประจำใจ คือThink big you will be big 

“กริยาบุญ” ที่คุณครูร่วมสร้าง ณ ร.ร.วัดหนามแดง

การมาเยือนวัดหนามแดง จังหวัดสมุทรปราการ พลาดไม่ได้ที่จะเข้าสักการะหลวงพ่อบุญเหลือ พระประธานปางมารวิชัยในอุโบสถวัดหนามแดง อำเภอบางพลี ​
 เพียงเพ็ญ สุรารักษ์  ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดหนามแดง(เขียวอุทิศ)  

​วัดนี้ที่ตั้งอยู่ริมคลองสำโรง  มีสะพานข้ามคลองในเชื่อมต่อกับถนนเทพารักษ์ภายในวัด
เมื่อเดินย้อนมาทางถนนเทพารักษ์ เราก็เจอ โรงเรียนวัดหนามแดง (เขียวอุทิศ) อ.บางพลี  สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรปราการ เขต 2  สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
สถานศึกษาแห่งนี้สร้างเต็มพื้นที่  6 ไร่ จากที่ดินสังฆมณฑลเนื้อที่กว่า 15 ไร่  ของวัดหนามแดง โดยแบ่ง 2 ส่วนโดยมีการบริจาคให้ทางราชการ คือ โรงเรียนระดับประถมศึกษา และสถานีอนามัย

เมื่อเดินผ่านลานกีฬาอเนกประสงค์ไปด้านหน้าโรงเรียน เพื่อไปสักการะ พระพุทธโลกนาถประสาทธรรม  ประชาบพิตร  ที่ประดิษฐาน ในวิหารจตุรมุข เป็นพระประจำโรงเรียน
...เดินผ่านน้อง ๆ หนู ๆ นักเรียนตัวน้อยย่อตัวเคารพ แล้วทักทายยกมือไหว้ อย่างเป็นปกติธรรมดา รับแขกผู้มาเยือน
ที่หน้าพระพุทธรูปประจำโรงเรียนฯ เราได้พบ ชลอ  มั่นฤทธิ์  รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารทั่วไป/วิชาการ วัดหนามแดง (เขียวอุทิศ) บอกกับเราอย่างภูมิใจว่าที่เห็นนั่นคือ
“กริยาบุญให้เห็น ซึ่งนักเรียนโรงเรียนวัดหนามแดงทุกคนจะมีพฤติกรรมและนิสัยนี้ติดตัวไป”
ก่อนจะออกตัวว่า สำหรับอาคารสถานที่นี่แล้วไม่ได้ร่มรื่น เพราะพื้นที่จำกัด คับแคบ
“ถ้าเอาภูมิทัศน์ของสถานศึกษามาเป็นตัววัดรางวัลต่าง ๆ เราคงไม่ได้ แต่นี่เมื่อมีการประกวดพฤติกรรม วิธีสอน วิธีปฏิบัติต่อเด็กให้อยู่ในแนวทางวิถีพุทธเราก็ทำได้แต่คิดว่าทำได้ดีด้วย”
สิ่งที่เราเห็นอาคาร สถานที่เรียนในพื้นที่ 6 ไร่ ตั้งอยู่ในธรณีสงฆ์ นี่คือเอาคารเรียน  จำนวน 2 หลัง พ.ศ. 2527  ได้งบประมาณของทางราชการมาสร้างอาคารเรียนแบบ 017ใช้ชื่ออาคารเรียนว่า  “เรือนพินิจประชาสรรค์” พ.ศ. 2529 ได้รับงบประมาณจาก สปจ.สมุทรปราการ   ก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์แบบสปช 1 หลัง สร้าง พ.ศ. 2534  ได้รับงบประมาณจากสปจ.สมุทรปราการ   ก่อสร้างอาคารเรียนหลังที่ 4   แบบสปช. 2/28  จำนวน 1 หลัง  3 ชั้น  9  พ.ศ. 2539  ได้รับงบประมาณจาก สปจ.สมุทรปราการ สร้างอาคารเรียนแบบ สปช. 2/28  จำนวน 1 หลัง อาคาร 3 ชั้น 9 ห้องเรียน  พ.ศ. 2542  ได้รับเงินบริจาคจากเอกชนเป็นอาคารเรียน  2 ชั้น  10 ห้องเรียนราคา 2,950,000 บาท  พ.ศ. 2547- 2549  ได้รับงบประมาณจาก  อบต.บางแก้วในการสร้างรั้วรอบบริเวณโรงเรียน และพ.ศ. 2551ได้รับงบประมาณจาก  อบต.บางแก้วในการสร้างลานกีฬาอเนกประสงค์

ผู้บริหารมาสร้างความเปลี่ยนแปลง

แม้นสถานที่จะแออัดแต่เมื่อ เพียงเพ็ญ สุรารักษ์  ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดหนามแดง(เขียวอุทิศ)  มารับตำแหน่งก็สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อจะเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกโรงเรียนวิถีพุทธพระราชทาน
“...เริ่มต้นจากปรับพื้นที่จำกัดนี้ให้เข้าเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนดไว้ อย่างสถานที่ห้องเรียน  ทุกห้องเรียน จะต้องมีพระพุทธรูป ต้องมีชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ในห้องเรียน
ก่อนหน้านี้เรามีแต่ไม่ครบทุกห้องแล้วก็ เราก็ขอบริจาค จากนั้นก็ครบ เพราะฉะนนั้นเด็กเข้าไปในห้องก็ต้องนั่งสมาธิก่อนเรียน แล้วก็เรื่องสวมชุดขาว เป็นการสร้างบบรยากาศ ที่เหนว่าสวมชุดขาวแล้วไม่ได้อะไรมันไม่ใช่  แต่จิตใจต้องบริสุทธิ์
เด็กก็คือผ้าขาว  เราก็บอกเขาว่าหนูแต่งชุดขาวนะคะ  ต่อไปเวลาจะวิ่งจะเดิน ระวังเลอะเทอะชุดขาวบริสุทธิ์ ก็บอกไปพยายามสร้างบรรยากาศเขานิ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างให้เขาค่อย ๆ พูด
พฤติกรรมคุณครูก็ค่อย ๆ พูดกับเด็กเขา จากคุณครูที่พูดจาเสียงดัง พูดจากโหวกเหว  หรือตีไหล่  โมโห ก็บอกคุณครูเพลา ๆ ลอง ลองดูซิว่าประสบความสำเร็จได้ครูที่นี่ได้จริง ๆ ร่วมกับคุณครูและกรรมการสถานศึกษาปรับให้มันสอดรับกัน แล้วก็เริ่มทำโครงการเข้าไปสู่แผนปฏิบัติการฯ”

“ก่อนหน้านี้ ที่นี่เขาก็เคยเสนอโรงเรียนวิถีพุทธเหมือนกันแต่ไม่ได้จริงจังมากมาย พอตัวเองมา ก็คิดว่าจากประสบการณ์ที่เราบริหารโรงเรียนเดิม (โรงเรียนชุมชนวัดบ้านระกาศ อำเภอบางบ่อ )เราประสบความสำเร็จในเรื่อง แก้ปัญหาเด็กก็เลยเอาเรื่องวิถีพุทธมาใช้”

ทั้งนี้ความสำเร็จจากความร่วมมือทำงานการปฏิสัมพันธ์กับผู้ใต้บังคับบัญชา ผอ.เพียงเพ็ญ ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ
“เราไม่คิดว่าครูเป็นลูกน้อง คิดว่าเป็นเพื่อนร่วมงาน เป็นพี่เป็นน้องเพราะฉะนั้น นี่เป็นส่วนหนึ่งที่คุณครูเขาพูดนะ ว่า ผอ.ไม่เคยเรียกตัวเองว่า ผอ.เลย จะเรีบกว่าตัวเองว่าเพ็ญ  หรือ พี่
ถ้ารุ่นอายุเยอะก็หนู แต่เราก็ต้องรู้ว่าครูคนไหนจะเข้าแบบไหน ที่จะบอกให้เขาทำแบบไหน  อะไรอย่างนี้
ทุกวันนี้ถ้ามีอะไรก็ถามกัน ว่าเอาไหม เอาอย่างนี้ดีไหม พอเขาเสนอเองแล้วเขาก็รู้แนวทางดีแล้ว เขาก็จะทำไปด้วยกัน แล้วมีอะไรผิดพลาด ก็จะมาคุยกันว่าเราจะมาปรับอย่างไหนดี พอได้รับรางวัลอะไรก็มาแชร์บอกกันว่าเราประสบความสำเร็จอะไร ร่วมภาคภูมิใจด้วยกัน
...ก็ให้คุณครูได้ทราบว่าโรงเรียนเราจะไปทิศทางใดบอกกับผู้ปกครองในคราวที่ประชุม บอกครูว่าถ้าเด็กดีแล้วนี่เด็กก็จะเรียนเก่งในที่สุดอันนี้ก็เป็นธงที่สำคัญที่ให้เด็กดีมีคุณธรรมจริยธรรม
จริง ๆ ครูเขาตั้งใจทำงานมาก่อน ส่วนเราตั้งธงไว้ขายความคิดให้คุณครูให้ชัด พอชัดเจนแล้วคุณครูก็จะรู้ว่าทำอย่างไร  โดยเรากับฝ่ายบริหารค่อย ๆ เติมเต็มนะ
ทำมาจากเดิมที่เขามีอยู่แล้วกับเราที่อยู่มา 4 ปีทำนานกว่าจะได้ตรงนี้ พอได้แล้วมีโล่ห์มีเกียรติบัตรมีอะไนเราก็มาร่วมภูมิใจด้วยกัน ที่สิ่งที่เราทำมาร่วมภูมิใจ ด้วยกัน
ก็หมายถึงว่า เราประสบความสำเร็จร่วมกันแล้วพอ สพฐ. เขามาประชุมที่ มหาจุฬาฯ ที่วังน้อยก็มาดูงานที่นี่ ทาง ศน.ที่มาดูงานก็พูดให้ฟังว่า เขาเป็นอะไรบ้าง เชิญครูมาหมดเลย พอเขาพูดครูก็ดีใจ
บางคนน้ำตาซึมเลยว่า อุ้ย...เป็นแบบนี้เหรอ
เขามองดูเรา คำพูดที่ว่า  ไม่ใช่สถานที่นี่ ที่เห็น แต่เป็นตัวที่เด็ก...แล้วที่เขาชมคือ ผอ. และรองนี่เป็นประชาธิปไตย มีอะไรคุยกัน เวลาต้องปรับปรุงอะไรก็คุยทุกอย่างต้องค่อย ๆ ทำค่อย ๆ ไปด้วยกัน กับคุณครูทำไปด้วยกัน เด็กเขาก็จะได้รับรู้รับทราบไปด้วยกันอะไร...

เปลี่ยนพฤติกรรมก้าวร้าวสู่นิสัยที่พึ่งประสงค์​

จากวิสัยทัศน์ของโรงเรียนที่ว่า  “ผู้เรียน ใฝ่เรียนใฝ่รู้   มีคุณธรรม  จริยธรรม  รวมใจอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม   รักษ์ความเป็นไทย  เรียนรู้สู่สากล  และปฏิบัติตนตามแนวคิด  เศรษฐกิจพอเพียง”
เมื่อบริหารโรงเรียนฯ มาร่วม 4 ปี แล้ว ก็มีความภูมิใจผู้บางประการ
“ปัญหาทะเลาะชกต่อยกันที่หนามแดงที่นี่มี ...มาใหม่ๆ เด็ก ป.6 ต่อยกันแล้วก็ทะเลาะกับโรงเรียนไพรีขยาด โรงเรียนคลองบางแก้ว  ซึ่งแต่เราติดต่อแก้ปัญหากันตลอด  ทางฝ่ายบริหารก็แก้ไขกัน เพื่อแก้ปัญหาตรงนี้ ทีนี้ก็เริ่มคุยกันว่า เราต้องเริ่มให้ทำอย่างไร ก็มีความคิดร่วมกันว่า ต้องให้เด็กเป็นคนดีให้ได้
ทีนี้ทำอย่างไรละ  พอพีมีเรื่องของวิถีพุทธชั้นนำมา มี 29 ประการเราก็มาดูว่า ของเราจะ 29 ประการมีอะไรที่ยังบกพร่องอยู่บ้างก็เอามาเพิ่มเติม”
มาถึงปัจจุบัน ความภูมิใจที่ครูและบุคคลากรทำได้คือ

“...เราฝึกเด็กให้มีวินัยได้บางกิจกรรม แต่บางกิจกรรมอย่างเด็กเดินเปลี่ยนชั่วโมงยังให้ครูคุมอยู่  อยากให้เห็นเป็นวิถีชีวิตไม่จำเป็นครูต้องคุมให้เขาคุมตัวเขาเองให้ได้ อยากเห็นแบบนี้ทุกอย่างให้เป็นวิถีชีวิต
ตอนนี้ที่เป็นวิถีชีวิตที่ต้องชมมีมีน้องจอซ เป็นเด็กพิเศษ แต่เขาโตกว่าใคร แล้วเขาเป็นสารวัตรนักเรียนด้วย เช้าขึ้นมาเขามีหน้าที่เข็นถุงนมที่จะใส่ถุงขยะ แล้วจะเอานมมาแล้ววางไว้ให้เพื่อน ๆ  เขาโตที่สุดแต่เขาเป็นเด็กพิเศษ ร่างกายเดินแล้วเป๋ แต่เมื่อเขายกบ่อย ๆ เขาจะดีขึ้น อันนี้เป็นวิถีชีวิตที่ดีแล้วเด็กต้องตั้งใจทำงาน
อีกเรื่องคือการทำความสะอาด ถึงเวลาเพลงจากห้องกระจายเสียงดังขึ้น นักเรียนก็ไปทำความสะอาดตามหน้าที่  ครูไม่ต้องคุม โดยเฉพาะตรงโดมลานกีฬาอเนกประสงค์นี่  ถึงเวลาก็ที่จะเอาเชือกพันรอบเลยไม่ให้เด็กเดินผ่าน แล้วก็จะเอาถังน้ำมาถู โดยที่ครูไม่มี
ซึ่งถ้าครูไม่มี ไม่คุมถือว่าสุดยอดของความรับผิดชอบของเด็ก”

ข้อคิดสุดท้ายก่อนลาของ ผอ.เพียงเพ็ญ บอกว่าขอปวารณาตัวว่าอยากบริหารที่นี่จนกว่าจะเกษียณในปี 2563  ...ก็มีคำถามต่อว่าอะไรที่ยังคาใจ ฐานะผู้บริหารฯว่าน่าจะทำให้เเสร็จก่อนเกษียณ
“...การมีส่วนร่วมของชุมชนยังไม่เต็มร้อย ตอนนี้ทุกวันศุกร์มีผู้ปกครองมาใส่บาตรด้วยแค่เริ่มอนุบาล เป็นเจ้าภาพเดือนนี้ และ ป.1-2-3-4 ตอนนี้ถึง ป.4  ก็ยังมาบ้างไม่มาบ้างผู้ปกครองร่วมน้อย
อีกเรื่องคือการดึงบุคคลที่มีคุณค่า เป็นภูมิปัญญาจากชุมชน ผู้มีความสามารถ ประสบความสำเร็จในชีวิต มาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ในตอนบ่ายก็ไม่ค่อยมี คือวันศุกร์จะมีการสวดมนต์ตอนเย็น เราจะเชิญให้เขามาพูดเดือนละครั้งนี้ แต่ที่ดำเนินการอยู่แต่ยังไม่ถือประสบความสำเร็จ...” 

วันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2559

ด่วน รายชื่อศึกษาธิการภาคตาม มาตรา 44 พร้อมเขตรับผิดชอบ

เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2559  พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้ลงนามในคำสั่งกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการภาค รองศึกษาธิการภาค และประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง จัดตั้งสำนักงานศึกษาธิการภาค สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ทั้ง 18 ภาค 

ดังนั้นขอคำสั่งหลาย ๆ คำสั่งของ รมว.ศธ. ออกมาได้ดังนี้ ว่าใครเป็นผู้บริหารท่านใดบ้าง  
นายพิษณุ ตุลสุข  (ผู้ตรวจราชการกระทรวง) ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการภาค 17  

สำนักงานศึกษาธิการภาค 1 ที่ตั้งจังหวัดปทุมธานี
รับผิดชอบ  นนทบุรี  ปทุมธานี  พระนครศรีอยุธยา สระบุรี
นายดิศกุล เกษมสวัสดิ์  (ผู้ตรวจราชการกระทรวง)  ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการภาค 1
นายนิธิบดี เที่ยงวรรณกานต์  (นักวิชาการศึกษาเชี่ยวชาญ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ) ปฏิบัติหน้าที่รองศึกษาธิการภาค 1

สำนักงานศึกษาธิการภาค 2 ที่ตั้งจังหวัดปทุมธานี
รับผิดชอบ  นนทบุรี  ปทุมธานี  พระนครศรีอยุธยา สระบุรี
นายอนันต์ ระงับทุกข์  ผู้ตรวจราชการกระทรวง / ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการ 2   
นางวัลลีย์ ศรีรัตน์  นักวิชาการศึกษาชำนาญการพิเศษ รักษาการในตำแหน่งนักวิชาการศึกษาเชี่ยวชาญ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ / ปฏิบัติหน้าที่รองศึกษาธิการภาค 2

สำนักงานศึกษาธิการภาค 3 ที่ตั้งจังหวัดฉะเชิงเทรา (สพม. เขต 6)
รับผิดชอบ ฉะเชิงเทรา นครนายก  ปราจีนบุรี  สมุทปราการ สระแก้ว
นางจินตนา มีแสงพราว  (รองเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา) ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการภาค 3  
นายธีรวัฒน์ วรรณนุช  (ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 6) ปฏิบัติหน้าที่รองศึกษาธิการภาค 3

สำนักงานศึกษาธิการภาค 4 ที่ตั้งจังหวัดราชบุรี
รับผิดชอบ กาญจนบุรี  นครปฐม  ราชบุรี  สุพรรณบุรี
นายกฤตชัย อรุณรัตน์  (ผู้ตรวจราชการกระทรวง) ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการภาค 4
นายสมศักดิ์ เรืองสุวรรณ  (นักวิชาการศึกษาเชี่ยวชาญ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ) ปฏิบัติหน้าที่รองศึกษาธิการภาค 4

สำนักงานศึกษาธิการภาค 5 ที่ตั้งจังหวัดเพชรบุรี (สพม.10)
รับผิดชอบ ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี  สมุทรสงคราม สมุทรสาคร
นายศรีชัย พรประชาธรรม  (รองเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา) ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการภาค 5  
ว่าที่ ร.อ.วิสาร ปัญญชุณห์  (ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต เขต 10)  ปฏิบัติหน้าที่รองศึกษาธิการภาค  5

สำนักงานศึกษาธิการภาค 6 ที่ตั้งจังหวัดสงขลา
รับผิดชอบ สงขลา นครศรีธรรมราช  พัทลุง  สุราษฏร์ธานี
นางเสาวนีย์ พนัสสรณ์  (รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน) ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการภาค 6
นายพัฒนา ชมเชย  (นักวิชาการศึกษาชำนาญการพิเศษ รักษาการในตำแหน่งนักวิชาการศึกษาเชี่ยวชาญ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ)  ปฏิบัติหน้าที่รองศึกษาธิการภาค  6

สำนักงานศึกษาธิการภาค 7 ที่ตั้งจังหวัดภูเก็ต 
รับผิดชอบ ภูเก็ต กระบี่  ตรัง  พังงา  ระนอง
นางสุจิตรา พัฒนะภูมิ  (ผู้ตรวจราชการกระทรวง) ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการภาค 7
นายสมพร ฉั่วสกุล  (นักวิชาการศึกษาเชี่ยวชาญ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ) ปฏิบัติหน้าที่รองศึกษาธิการภาค 7

สำนักงานศึกษาธิการภาค 8 ที่ตั้งจังหวัดยะลา
รับผิดชอบ นราธิวาส  ปัตตานี  ยะลา  สงขลา  สตูล
นายวีระกุล อรัณยะนาค  (ผู้ตรวจราชการกระทรวง) ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการภาค  8
นายศราวุธ อรรถานุรักษ์  (นักวิชาการศึกษาชำนาญการพิเศษ รักษาการในตำแหน่งนักวิชาการศึกษาเชี่ยวชาญ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ) ปฏิบัติหน้าที่รองศึกษาธิการภาค 8

สำนักงานศึกษาธิการภาค 9 ที่ตั้งจังหวัดชลบุรี
รับผิดชอบ จันทบุรี  ชลบุรี  ตราด  ระยอง
นางนิตย์ โรจน์รัตนวาณิชย์  (ผู้ตรวจราชการกระทรวง) ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการภาค  9   
นายสมบูรณ์ อรุณพงษ์  (นักวิชาการศึกษาชำนาญการพิเศษ รักษาการในตำแหน่งนักวิชาการศึกษาเชี่ยวชาญ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ)  ปฏิบัติหน้าที่รองศึกษาธิการภาค  9

สำนักงานศึกษาธิการภาค 10  ที่ตั้งจังหวัดอุดรธานี
รับผิดชอบ บึงกาฬ  หนองคาย  หนองบัวลำภู  อุดรธานี
นายชาญวิทย์ ทับสุพรรณ  (ผู้ตรวจราชการกระทรวง) ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการภาค 10  
นายประหยัด พิมพา  (นักวิชาการศึกษาชำนาญการพิเศษ รักษาการในตำแหน่งนักวิชาการศึกษาเชี่ยวชาญ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ) ปฏิบัติหน้าที่รองศึกษาธิการภาค 10

สำนักงานศึกษาธิการภาค 11  ที่ตั้งจังหวัดสกลนคร (สพม.23)
รับผิดชอบ นครพนม  มุกดาหาร  สกลนคร
นายอำนาจ วิชยานุวัติ  (ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน) ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการภาค ภาค 11  นายเสถียร แสนอุบล  (ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 23) ปฏิบัติหน้าที่รองศึกษาธิการภาค  11

สำนักงานศึกษาธิการภาค 12  ที่ตั้งจังหวัดขอนแก่น (สพม.25)
เขตรับผิดชอบ  ขอนแก่น  กาฬสินธุ์  ขอนแก่น  มหาสารคาม  ร้อยเอ็ด
นายประเสริฐ หอมดี  (รองเลขาธิการสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย) 
ปฏิบัติหน้าที่ ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการภาค 12  นายกิตติ บุญเชิด  (ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 25)  ปฏิบัติหน้าที่รองศึกษาธิการภาค 12

สำนักงานศึกษาธิการภาค 13  ที่ตั้งจังหวัดอุบลราชธานี  
เขตรับผิดชอบ อุบลราชธานี ยโสธร  ศรีสะเกษ  อำนาจเจริญ  
นายบัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร  (ผู้ตรวจราชการกระทรวง) ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการภาค 13
นายสำเภา สมบูรณ์  (นักวิชาการศึกษาเชี่ยวชาญ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ) ปฏิบัติหน้าที่รองศึกษาธิการภาค 13

สำนักงานศึกษาธิการภาค 14  ที่ตั้งจังหวัดนครราชสีมา 
เขตรับผิดชอบ นครราชสีมา  ชัยภูมิ  บุรีรัมย์  สุรินทร์
นายอรรถพล ตรึกตรอง  (ผู้ตรวจราชการกระทรวง) ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการภาค 14
นายสมเกียรติ แถวไธสง  (นักวิชาการศึกษาเชี่ยวชาญ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ) ปฏิบัติหน้าที่รองศึกษาธิการภาค 14

สำนักงานศึกษาธิการภาค 15  ที่ตั้งจังหวัดเชียงใหม่
เขตรับผิดชอบ เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน  ลำปาง  ลำพูน
นายประเสริฐ บุญเรือง  (ผู้ตรวจราชการกระทรวง) ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการภาค 15
นายประเทือง ทรัพย์เกิด  (นักวิชาการศึกษาชำนาญการพิเศษ รักษาการในตำแหน่งนักวิชาการศึกษาเชี่ยวชาญ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ) ปฏิบัติหน้าที่รองศึกษาธิการภาค 15

สำนักงานศึกษาธิการภาค 16 ที่ตั้ง จังหวัดเชียงราย (สพม 36)
รับผิดชอบ เชียงราย  น่าน  พะเยา  แพร่ 
นางสาวดุริยา อมตวิวัฒน์  (ผู้ช่วยปลัดกระทรวงศึกษาธิการ) ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการภาค  
นายคำจันทร์ รัตนอุปการ  (ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 36) ปฏิบัติหน้าที่รองศึกษาธิการภาค 16

สำนักงานศึกษาธิการภาค 17 ที่ตั้ง จังหวัดพิษณุโลก
รับผิดชอบ พิษณุโลก  เพชรบูรณ์  สุโขทัย  อุตรดิตถ์ 
นายพิษณุ ตุลสุข  (ผู้ตรวจราชการกระทรวง) ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการภาค 17  
นายวีระ เมืองช้าง  (นักวิชาการศึกษาเชี่ยวชาญ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ) ปฏิบัติหน้าที่รองศึกษาธิการภาค 17  

สำนักงานศึกษาธิการภาค 18 ที่ตั้ง จังหวัดกำแพงเพชร  (สพม.41)
รับผิดชอบ  กำแพงเพชร  นครสวรรค์  พิจิตร  อุทัยธานี
นางสาวอุษณีย์ ธโนศวรรย์  รองเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากร / ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการภาค ภาค 18   
นายสงวนศักดิ์ เศรษฐีธัญญาหาร  (ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 41) ปฏิบัติหน้าที่รองศึกษาธิการ ภาค 18

วันอังคารที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2559

ความเห็นต่อคำสั่งคสช.เกี่ยวกับการปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาค

จาตุรนต์ ฉายแสง‬ ‪
จาก fb : Chaturon Chaisang


‘เด็ดขาดรวดเร็ว’ จะกลายเป็น ‘ช้าและยุ่งเหยิง’

การออกคำสั่งนี้น่าจะเกิดจากเห็นปัญหาเชิงโครงสร้างและระบบงานและต้องการแก้ปัญหาที่มีอยู่

แต่คำสั่งนี้ไม่ได้เกิดจากกระบวนการศึกษาหรือมีงานวิจัยใดๆ มารองรับ แต่น่าจะมาจากการคุยกันไม่กี่คนโดยขาดการปรึกษาหารือผู้เกี่ยวข้องอย่างเพียงพอ สะท้อนให้เห็นว่าทั้งผู้ที่เสนอและผู้ออกคำสั่งขาดความเข้าใจต่อความซับซ้อนของการจัดการศึกษาและขาดความรู้ความเข้าใจต่อประวัติศาสตร์ความเป็นมาของปัญหาการจัดการศึกษาในต่างจังหวัดด้วย จึงทำให้แก้ไม่ถูกจุดและจะยิ่งสร้างปัญหามากขึ้น ทำให้การปฏิรูปการศึกษาที่ไม่มีวี่แววอยู่แล้วยิ่งไม่เกิดขึ้น

ปัญหาใหญ่ คือ เป็นการเลือกทำในเรื่องที่ยังไม่ควรรีบทำ ...ส่วนเรื่องที่ควรทำกลับไม่ทำ 

การเปลี่ยนโครงสร้างจะทำให้บุคลากรทางการศึกษาทั้งระบบจะต้องสาละวนกับเรื่องโครงสร้าง ทำความเข้าใจต่อระบบใหม่ เป็นกังวลต่อผลกระทบที่จะตามมาเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่และเส้นทางความก้าวหน้าตำแหน่งจนไม่สนใจการปฏิรูปการศึกษา โดยเฉพาะเรื่องหลักสูตร การเรียนการสอน และการพัฒนาครูที่ต้องการปฏิรูปอย่างเร่งด่วน

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นการทำแบบ ‘กลับหัวกลับหาง’ คือ เปลี่ยนแปลงโครงสร้างในระดับรองก่อนการเปลี่ยนแปลงในภาพรวมที่ก็ยังไม่มีความชัดเจน ผู้เกี่ยวข้องมองไม่เห็นภาพรวม สับสน และขาดความเชื่อมั่นต่ออนาคตที่จะตามมา

โครงสร้างใหม่นี้จะกระทบวิทยาลัยและโรงเรียนทุกสังกัด มีผลต่อการทำงานของเขตพื้นที่และเขตมัธยมศึกษาอย่างแน่นอน เนื่องจากผอ.เขตจะไม่มีอำนาจในการแต่งตั้งโยกย้ายใด ๆ และอำนาจการสั่งการก็ไปอยู่ที่ศึกษาธิการจังหวัดที่จะต้องสั่งการและกำกับสถานศึกษาในทุกสังกัดทั้งจังหวัด

...เข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คงต้องการให้เกิดความเป็นเอกภาพในระดับจังหวัด แต่การมีคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ดูจากองค์ประกอบแล้วจะมีปัญหาการขาดความเข้าใจต่อการจัดการศึกษาหรือมีความเข้าใจที่ต่างๆกันไป จึงไม่แน่ว่าจะเกิดเอกภาพจริง

ระบบนี้ไม่มีหลักประกันว่าการแต่งตั้งโยกย้ายที่มีปัญหามาตลอดจริงจะดีขึ้น มีความเสี่ยงที่การจัดการศึกษาจะอยู่ใต้ระบบอำนาจมากไป โรงเรียนไม่ได้มีอิสระมากขึ้น และครูอาจจะมีเวลาอยู่กับนักเรียนน้อยลงไปอีก เพราะต้องรับคำสั่งหลายหน่วยงาน คล้ายกับปัญหาที่เคยเกิดขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อน

ปัญหาใหม่และใหญ่มากที่จะเกิดขึ้น ก็คือ การขาดความเป็นเอกภาพในระดับประเทศ จังหวัดต่างๆ อาจจะกำหนดทิศทางที่แตกต่างกันไปคนละทิศละทาง แม้จะมีคณะกรรมการขับเคลื่อนในระดับภูมิภาคที่รัฐมนตรีเป็นประธานคอยกำกับ แต่ผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งสังกัดกระทรวงมหาดไทยก็อาจไม่ฟังรัฐมนตรีศึกษาก็ได้

การออกคำสั่งครั้งนี้ต้องการให้เกิดสายบังคับบัญชา ดูเหมือนรวดเร็วเด็ดขาด แต่เมื่อขาดวิสัยทัศน์ ความเข้าใจ และไม่ฟังความให้รอบด้านแล้ว

ที่ว่า ‘รวดเร็ว’ กลับจะยิ่งช้า คือ จะทำให้โอกาสในการปฏิรูปการศึกษาจะล่าช้าออกไป 

ที่ว่า ‘เด็ดขาด’ ก็กลับจะกลายเป็นการทำให้โกลาหลและยังอาจเป็นความเสียหายต่อการศึกษาของชาติไปอีกนาน