จาตุรนต์ ฉายแสง
จาก fb : Chaturon Chaisang
‘เด็ดขาดรวดเร็ว’ จะกลายเป็น ‘ช้าและยุ่งเหยิง’
การออกคำสั่งนี้น่าจะเกิดจากเห็นปัญหาเชิงโครงสร้างและระบบงานและต้องการแก้ปัญหาที่มีอยู่
แต่คำสั่งนี้ไม่ได้เกิดจากกระบวนการศึกษาหรือมีงานวิจัยใดๆ มารองรับ แต่น่าจะมาจากการคุยกันไม่กี่คนโดยขาดการปรึกษาหารือผู้เกี่ยวข้องอย่างเพียงพอ สะท้อนให้เห็นว่าทั้งผู้ที่เสนอและผู้ออกคำสั่งขาดความเข้าใจต่อความซับซ้อนของการจัดการศึกษาและขาดความรู้ความเข้าใจต่อประวัติศาสตร์ความเป็นมาของปัญหาการจัดการศึกษาในต่างจังหวัดด้วย จึงทำให้แก้ไม่ถูกจุดและจะยิ่งสร้างปัญหามากขึ้น ทำให้การปฏิรูปการศึกษาที่ไม่มีวี่แววอยู่แล้วยิ่งไม่เกิดขึ้น
ปัญหาใหญ่ คือ เป็นการเลือกทำในเรื่องที่ยังไม่ควรรีบทำ ...ส่วนเรื่องที่ควรทำกลับไม่ทำ
การเปลี่ยนโครงสร้างจะทำให้บุคลากรทางการศึกษาทั้งระบบจะต้องสาละวนกับเรื่องโครงสร้าง ทำความเข้าใจต่อระบบใหม่ เป็นกังวลต่อผลกระทบที่จะตามมาเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่และเส้นทางความก้าวหน้าตำแหน่งจนไม่สนใจการปฏิรูปการศึกษา โดยเฉพาะเรื่องหลักสูตร การเรียนการสอน และการพัฒนาครูที่ต้องการปฏิรูปอย่างเร่งด่วน
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นการทำแบบ ‘กลับหัวกลับหาง’ คือ เปลี่ยนแปลงโครงสร้างในระดับรองก่อนการเปลี่ยนแปลงในภาพรวมที่ก็ยังไม่มีความชัดเจน ผู้เกี่ยวข้องมองไม่เห็นภาพรวม สับสน และขาดความเชื่อมั่นต่ออนาคตที่จะตามมา
โครงสร้างใหม่นี้จะกระทบวิทยาลัยและโรงเรียนทุกสังกัด มีผลต่อการทำงานของเขตพื้นที่และเขตมัธยมศึกษาอย่างแน่นอน เนื่องจากผอ.เขตจะไม่มีอำนาจในการแต่งตั้งโยกย้ายใด ๆ และอำนาจการสั่งการก็ไปอยู่ที่ศึกษาธิการจังหวัดที่จะต้องสั่งการและกำกับสถานศึกษาในทุกสังกัดทั้งจังหวัด
...เข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คงต้องการให้เกิดความเป็นเอกภาพในระดับจังหวัด แต่การมีคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ดูจากองค์ประกอบแล้วจะมีปัญหาการขาดความเข้าใจต่อการจัดการศึกษาหรือมีความเข้าใจที่ต่างๆกันไป จึงไม่แน่ว่าจะเกิดเอกภาพจริง
ระบบนี้ไม่มีหลักประกันว่าการแต่งตั้งโยกย้ายที่มีปัญหามาตลอดจริงจะดีขึ้น มีความเสี่ยงที่การจัดการศึกษาจะอยู่ใต้ระบบอำนาจมากไป โรงเรียนไม่ได้มีอิสระมากขึ้น และครูอาจจะมีเวลาอยู่กับนักเรียนน้อยลงไปอีก เพราะต้องรับคำสั่งหลายหน่วยงาน คล้ายกับปัญหาที่เคยเกิดขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อน
ปัญหาใหม่และใหญ่มากที่จะเกิดขึ้น ก็คือ การขาดความเป็นเอกภาพในระดับประเทศ จังหวัดต่างๆ อาจจะกำหนดทิศทางที่แตกต่างกันไปคนละทิศละทาง แม้จะมีคณะกรรมการขับเคลื่อนในระดับภูมิภาคที่รัฐมนตรีเป็นประธานคอยกำกับ แต่ผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งสังกัดกระทรวงมหาดไทยก็อาจไม่ฟังรัฐมนตรีศึกษาก็ได้
การออกคำสั่งครั้งนี้ต้องการให้เกิดสายบังคับบัญชา ดูเหมือนรวดเร็วเด็ดขาด แต่เมื่อขาดวิสัยทัศน์ ความเข้าใจ และไม่ฟังความให้รอบด้านแล้ว
ที่ว่า ‘รวดเร็ว’ กลับจะยิ่งช้า คือ จะทำให้โอกาสในการปฏิรูปการศึกษาจะล่าช้าออกไป
ที่ว่า ‘เด็ดขาด’ ก็กลับจะกลายเป็นการทำให้โกลาหลและยังอาจเป็นความเสียหายต่อการศึกษาของชาติไปอีกนาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น