วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

Master of Private Vocational “อินทร์ จันทร์เจริญ” กับนิยามชีวิตคือการต่อสู้

นช.๐๐๗   เรื่อง


วิทยาลัยเทคโนโลยีกรุงธน ปัจจุบันเดินทางสะดวก ตั้งอยู่ปากซอยเพชรเกษม 98  ไปมาได้หลายทาง แต่เมื่อย้อนหลังกลับไปร่วม 30 ปีที่นี่... ดร.อินทร์  จันทร์เจริญ ผู้รับใบอนุญาต เล่าอดีตให้ฟัง
“ผมซื้อที่นี่ เอาแฟนมาดู แฟนเป็นลม เวลานั้นถนน 2 ถนน หน้าโรงเรียนเป็นป่ากก ป่าพง มีถนนแค่ 2 เลน รถวิ่งสวนกัน ไม่เจริญเลย”…ผู้อาวุโสบุคลิกกระชับกระเชงที่ดูอ่อนกว่าชายวัย 70 ปี เล่าที่มาถึงธุรกิจอาชีวศึกษาด้วยความภูมิใจ
นั่นเป็นภาพในอดีต...แต่ภาพที่เห็นขณะนี้บริเวณเลขที่ 1 ซอยเพชรเกษม 98 ถนนเพชรเกษม เป็นอาคาร 3 เรียนที่ประกบข้างด้วยคอนโดมีเนียมเบรนหรูเลี้ยวเข้าซอยนิดเดียวบนถนนเพชรเกษม 6 เลน ที่จราจรคับคั่ง
ครูอินทร์  จันทร์เจริญในอดีตผู้นี้คือครูอาชีวศึกษาเอกชนหลายโรงเรียน เช่น พณิชยการธุรกิจบัณฑิตย์   ไทยโปลีเทคนิค บางเขน  ดรุณพิทยาพณิชยการ ห้วยขวาง  ก่อนจะผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนเทคโนโลยีกรุงธนกรุงเทพ ผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนเทคโนโลยีกรุงธนเชียงราย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชลบุรีชัยรัตน์ คอนสตรัคชั่น จำกัด อธิการบดีวิทยาลัยเชียงราย อีกทั้งยังเคยดำรงตำแหน่ง สมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย

ปัจจุบันเรียกครูอินทร์ กลายเป็น ดร.อินทร์ ด้วยคุณวุฒิปริญญาเอก ค.ด. สาขาวิจัยและพัฒนาหลักสูตร จาก สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
...ครั้งแรกของการเป็นครูอาชีวศึกษาเอกชนหลังจากเรียนจบครูมาคือการเป็นครูสอนคณิตศาสตร์

ปูมหลังครูใหญ่อาชีวศึกษาไทย

“ชีวิตผมเข้าสู่ชีวิตความเป็นครูอาชีวศึกษา เริ่มตั้งแต่เรียนจบครูมาท่านไสว สุทธิพิทักษ์ ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์  พอท่านทำธุรกิจบัณฑิตย์ เป็นหลักสูตรสถาบันท่านชวนผมไปทำงานด้วย
ผมก็ไปทำงานกับท่าน เริ่มต้นอยู่ที่อาชีวศึกษา ผมก็ทำอาชีวศึกษามาโดยตลอดชีวิต ทุกวันนนี้ก็ทำอาชีวศึกษาอยู่
ที่ทำมาตลอดได้ก็ต้องขอบคุณท่านอธิการไสว ท่านให้ความรู้ เพราะทำโรงเรียนกับท่านที่ธุรกิจบัณฑิตย์ที่คลองประปานี่แหละครับ !  ท่านไปเปิด ปวช. ก็ไปเปิดช่วยสอน”
หลังออกจากพณิชยการธุรกิจบัณฑิตย์  ก็มาอยู่ที่ดรุณพิทยาพาณิชยการ จากดรุณพิทยไปอยู่โปลีเทคนิค จากไทยโปลีเทคเนคไปอยู่ดรุณอีกที จนปี  2524  ก็ทำโรงเรียนเอง

ชีวิตคือการต่อสู้ : ต่อสู้กับสิ่งที่เราจัดเจน

ด้วยปรัชญาในการทำงาน ชีวิตคือการต่อสู้ ยิ่งมีปัญหาเรายิ่งสู้  การเริ่มต้นกิจการโรงเรียนอาชีวะเองเป็นจุดเริ่มต้นของการต่อสู้
“การต่อสู้ที่หนักที่สุดคือ การสร้างรากฐานชีวิต  ผมซื้อที่นี่ 11ล้าน ใน พ.ศ.2519”
พร้อมกล่าวถึงบุคคลที่มีบุญคุณ เคยอุปการะในอดีตที่ดร.อินทร์ยังกล่าวถึงไม่เคยลืม
“ผมอาจจะโชคดีกว่าคนอื่น ผมอยากเจอใครผมได้เจอ ความสำเร็จที่ได้มา ก็คิดถึงผู้มีบุญคุณ คือ พี่ณรงค์  เทวคุปต์ (อดีตกรรมการบริหารวิทยาลัยในเครือตั้งตรงจิตรพณิชยการ อดีตส.ส. อุบลราชธานี 2 สมัย)  พี่ยิ่ง  สิทธิธรรม (อดีต สส.อุบลราชธานี) ทั้งสองท่านพาผมเข้าพบ อาจารย์ประยูร  จินดาประดิษฐ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธ ทหารไทย  ขณะนั้นท่าน เปรียบเหมือนพ่อขอผมคนหนึ่ง ผมไปเอาโครงการไปคุยกับท่านน่าบอกเอายื่นมาจะดูให้”
กิจการสถาบันศึกษาอาชีวเอกชน ก็เริ่มต้นขึ้น
“ก็ใช้ชื่อเดิมตลอดเพียงแต่เปลี่ยนชื่อหน้าเป็นวิทยาลัยเท่านั้น โรงเรียนเทคโนโลยีกรุงธน แต่ผมมาเปลี่ยนเรื่องของที่ตั้งพระวิษณุ กิจการตอนแรกหนักหนาสาหัสมาก เราคิดว่ารับเด็กได้ 400 คน  แต่รับเด็กไม่ถึง 200  คน ...การรับสถานการณ์เล่านี้ เราต้องประมาณตัวเองถึงจะแข็งแรงได้...สมมุติว่าเรามีเด็กเท่านี้เราก็บริหารเท่านี้ไม่บริหารเกินตัว แต่คิดเกินตัว แต่บริหารภายใต้ความจริง"
นอกจากประเมินตัวเองแล้วปัจจัยที่จะทำให้ความสำเร็จเกิดขึ้นได้เราต้องเข้าใจในสิ่งที่เราทำอย่างลึกซึ้ง
“ทำสิ่งที่เรารู้ ทำส่ิงที่เรามีพรรคพวก เรามีความจัดเจน อย่าเป็นประเภทที่พอรวยแล้วไปทำอาชีพอะไรก็ได้ อื่นนี่ไม่ได้ บางคนโชคดีก็สำเร็จ บางคนเจ็งเลย ต้องทำสิ่งที่เรารู้ รู้แจ้งเลย มีปัญหาแก้ไขได้ด้วยความมั่นใจ”

เคล็ดลับของความสำเร็จสถานศึกษาในเครือ k-tech

ปัจจุบัน ดร.อินทร์  จันทร์เจริญ เป็นผู้ถือใบอนุญาต วิทยาลัยเทคโนโลยีกรุงธน (Krungthon technological  college) ทั้งกรุงเทพ และ เชียงราย พร้อมทั้งมหาวิทยาลัยเชียงราย เปิดทำการสอนในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ สาขาวิชาช่างอุตสาหกรรม และบริหารธุรกิจ และเปิดทำการสอนในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง สาขาวิชาช่างอุตสาหกรรมและบริหารธุรกิจ สาขาวิชาที่เปิดสอน ช่างอุตสาหกรรม ได้แก่ ช่างยนต์ ช่างกลโรงงาน ช่างไฟฟ้ากำลังและช่างอิเล็กทรอนิกส์ สาขาวิชา ที่เปิดสอนบริหารธุรกิจ ได้แก่ การบัญชี คอมพิวเตอร์ และการตลาด
เคล็ดลับของความสำเร็จที่ได้จากการสนทนาร่วมชั่วโมง คือ

1 สร้างคุณลักษณ์ที่เหมาะสมแก่นักเรียนอาชีวศึกษา ให้นักเรียนที่สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียน มีทักษะ ความสามารถ ในการดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
“เน้นเรื่องความซื่อสัตย์ ตรงเวลาขยัน  ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน คนเราถ้ามีความซื่อสัตย์ไปอยู่ที่ไหนก็ได้ ผมบอกเลยว่าอยู่ที่ไหนนายก็รัก เราเป็นลูกน้องนายก็รัก”

2 ผู้บริหารต้องเอาใจใส่ต่อนักศึกษาในวิทยาลัย
“ในอดีตมีปัญหาการตีกันโรงเรียนเทคโนโลยีกรุงธนกับโรงเรียนเทคโนโลยีหมู่บ้านครูใกล้ ๆ กัน แต่ก่อนขึ้นรถคันเดียวกันไม่ได้ตีกัน ...พอมาปี 2524  ผมเข้ามาซื้อที่นี่ผมไปหาอาจารย์ศุภชัย  แย้มชุติ (ผอ.เทคโนโลยีหมู่บ้านครู) ผมบอกว่าป๋าทำอย่างไรเราจับมือกัน มีอะไรบอกกันช่วยกันแก้ เป็นโรงเรียนพี่ โรงเรียนน้อง...เหล่านี้ทำไมมันแก้ได้ละ ที่อ้างว่าทัศนคติไม่ดีต่อกันนี่เป็นข้ออ้างจริง ๆ แล้วเพราะผู้บริหารไม่ใส่ใจ  ถ้าผู้บริหารเอาใจใส่กับพฤติกรรมของเด็กดูแลเด็กเรื่องเด็กตีกันจะไม่มี เรื่องมันเกิดออาจะผิดใจกันแต่ก็ทำความเข้าใจกันได้”

3 อุปกรณ์ฝึกดีทันสมัยมีให้นักเรียนใช้
“ สำหรับนักเรียนช่างแต่เราซื้อวัสดุของดีทันสมัย อย่างเวอร์เนียร์ (เครื่องมือสำหรับใช้ในงานวัดละเอียดแบบหนึ่ง) นี่เราก็เลือกของดี ผมไม่เคยคิดจะไปหากิน กินเล็กกินน้อยกับเด็ก ผมซื้อให้เต็มที่เด็กจบไปเขาได้ทำงาน เมื่อมีลูกเขาก็คิดถึงเรา  ไม่ว่าโรงเรียนรัฐและเอกชนไม่ต้องมอง เขาก็คิดถึงวิทยาลัยเทคโนโลยีกรุงธน บ้านอยู่ไกลแค่ไหนก็ส่งมาเรียน”
ปัจจัยทำทั้งหมดแล้วส่งผลให้นักเรียนเข้ามาเรียน ณ วิทยาลัยเทคโนโลยีกรุงธน
"นักเรียนในโรงเรียนมีพาณิชย์และช่างที่กรุงเทพตอนนี้ 1,000 คน การหาเด็กเข้าเรียนอยู่ที่ศิษย์เก่า  ศิษย์เก่าบางคนเอาลูกมาเรียน เหมือนเครือข่ายศิษย์เก่าปี หนึ่ง ๆ  เยอะ เป็นแบบปากต่อปาก  แต่การแนะแนว เราก็ยังทำ ก็ในบริเวณของเราในเขตฝั่งธนบุรีนี่แหละ อยู่แต่นี้ แต่ก็มีนอกเขตมาบ้าง ไม่มีมาก...”

สุดท้ายของการสนทนาอดีตนายกสมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย  กล่าวเปื้อนด้วยรวยยิ้มก่อนอำลา
“ผมทำงานด้านอาชีวศึกษามาทั้งชีวิต ...จะว่าเหนื่อยไม่ผมก็ว่าไม่เหนื่อยนะ เป็นความสุข ผมอาจจะต่างจากคนอื่นคือมีความสุขในการทำงาน 
ผมมีลูก 3  คน ผู้หญิง 1 ชาย 2  ลูกสาวบริหารที่นี่ ผู้ชาย 2  คน ลูกชายคนกลางดูอาชีวศึกษาเชียง ส่วนลูกชายคนเล็กก็ดูวิทยาลัยเซียงราย
การทำมาธุรกิจการศึกษา โดยเฉพาะอาชีวศึกษา ถึงเวลานี้แล้วผมคิดว่าคิดถูกนะ...”

วันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ธฤต ไชยมงคล : ครูอิเล็กทรอนิกส์ วิทยาลัยสารพัดช่างสี่พระยา กับผลงานเครื่องคั่วกาแฟด้วยแก้สแอลพีจี

โดย นช.๐๐๗

กาแฟเครื่องดื่มยอดนิยมแต่กว่าจะเป็นเครื่องดื่มถ้วยโปรดนั้น ต้องผ่านกระบวนการมากมายก่อนมาเสริฟ์ตรงหน้าเรา
...และบุคคลในแวดวงการศึกษาที่จะแนะนำให้รู้จักวันนี้คือบุคคลที่ประดิษฐ์เครื่องคั่ว ขั้นตอนสำคัญที่จะควบคุมเครื่องดื่มยอดฮิตนี้ให้มีรสชาติตามปรารถนาได้ ความคิดสร้างสรรค์บวกความรู้ทางวิชาการจึงมาเป็นนวัตกรรมที่ได้รับรางวัลครั้งนี้
จุดกำเนิดของนวัตกรรมดีเด่นระดับชาติ เครื่องคั่วเมล็ดกาแฟ ผลงานของ อาจารย์ ธฤต ไชยมงคล แผนกวิชาช่างอิเล็กทรอนิกส์ วิทยาลัยสารพัดช่างสี่พระยา เป็นมาอย่างไรฟังจากปากของอาจารย์กัน
"ผมเป็นคนเชียงใหม่ตั้งแต่สมัยที่ยังอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ ได้มีโอกาสได้ไปเที่ยวที่ดอยอินทนนท์ ดอยปุย ได้พบเห็นชาวบ้านทำไร่กาแฟ จึงเริ่มเข้าไปศึกษา สอบถาม พูดคุยกับชาวบ้านว่ากระบวนการผลิตการคั่วและเมื่อจบมาทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ด้วยก็เลยใช้ความรู้มาเป็นแนวคิดขึ้น

ถ้าเราทำเครื่องคั่วเมล็ดกาแฟ

ขึ้นมาเพื่อไปช่วยพวกเค้าแล้ว 

รายได้พวกเค้าอาจจะดีขึ้น



ประกอบกับก็ได้พบปัญหาว่าผลิตกาแฟที่ชาวบ้านปลูกมันล้นตลาด ทำให้ราคากาแฟดิบที่เก็บมาจากต้นมันต่ำมาก ต่อมาก็มีโครงการจากญี่ปุ่นเข้ามาส่งเสริม ไปสร้างเครื่องคั่วขนาดใหญ่ ปรากฏว่าพอคั่วมาแล้วราคาเม็ดกาแฟดิบกลับสูงกว่าราคาที่ท้องตลาดขาย ชาวบ้านเค้าเลยทดลองคั่วด้วยกะทะเอง ทำเครื่องคั่วมาเองบ้าง แต่พอเวลาจำหน่ายสีของเมล็ดกาแฟไม่เป็นไปตามมาตฐานที่ท้องตลาดต้องการ เลยทำให้เราคิดว่า ถ้าเราทำเครื่องคั่วเมล็ดกาแฟขึ้นมาเพื่อไปช่วยพวกเค้าแล้ว รายได้พวกเค้าอาจจะดีขึ้น มานี่คือแรงบันดาลในการประดิษฐ์"  
คั่วเมล็ดกาแฟผลงานชิ้นนี้ เป็นเครื่องคั่วเมล็อดกาแฟพลังงานความร้อนเผาไหม้ LPG สามารถคั่วกาแฟได้ครั้ง ละ 1 กิโลกรัม สามารถควบคุมความร้อนเองได้ และใช้อุณหภูมิสูงถึง 150 องศาเซลเซียส มีขนาดเพียงแค่ 55 x 85 x 110 .ม ใช้เวลาในการคั่วเพียง 9 – 27 นาทีความความต้องการการคั่วเข็มคั่วอ่อน และที่สำคัญสินค้า ราคาถูกกว่าครึ่งที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ และนวัฒตกรรมนี้จะส่งผลประโยชน์ต่อชาวบ้านชาวไร่ได้อย่างมากเพราะ เป็นเครื่องต้นแบบที่มีราคาไม่สูงมาก ประหยัดพลังงานเพราะใช่เวลาคั่วไม่มาก เพิ่มมูลค่าเมล็ดกาแฟดิบ และยังได้เมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพทัดเทียมที่ตลาดต้องการ จะว่าไปนี่อาจเป็นจุดกำเนินของธุรกิจเล็กๆของคนไทยที่จะเติบโตก้าวหน้าในอนาคตในสายธุรกิจกาแฟหรือเมล็ดกาแฟ
เมื่อสรุปคุณค่าของนวัตกรรมชิ้นนี้ คือ 1.เป็นเครื่องมือต้นแบบสำหรับคั่วเมล็ดกาแฟ 2.ปรหยัดพลังงานเพราะใช้เวลาคั่วไม่มาก  3.ส่งเสริมเกษตรกรเพิ่มมูลค่าเมล็ดกาแฟดิบ 4.เมล็ดกาแฟคั่วที่ได้คุณภาพทัดเทียมกับตลาดกาแฟต้องการ 5.องค์ความรู้ใหม่ที่สามารถต่อยอดในเชิงพาณิชย์ได้
ซึ่งสุดท้ายนี้นวัตกรรมดีเด่นระดับชาตินี้จะมีการต่อยอดอย่างไร คำตอบจากอาจารย์ธฤต คือ 
"เราชาวไทยก็ภูมิใจได้เลยว่าฝีมือคนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกจริงๆ หากมีการสนับสนุนจากภาคส่วนต่างๆก็ไม่เป็นเรื่องยากอีกต่อไป ไม่แน่ในอนาคตเราอาจเห็นนวัตกรรมข้างต้นที่กล่าวไปกลายเป็นแบรนด์สิ้นค้าระดับโลก ที่ทำให้เราชาวไทยยิ้มเมื่อคิดถึงก็ได้"

วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

“นวัตกรรมอาชีวะ” เพื่อชุมชนและสังคมโลก ดร.มงคลชัย สมอุดร ผู้อำนวยการสำนักสำนักวิจัยและพัฒนาการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา

นช ๐๐๗ : เรื่อง   


ในหน้าที่ของสำนักสำนักวิจัยและพัฒนาการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาคือการดูแลงานควบคุมศึกษา วิเคราะห์ วิจัย ส่งเสริม พัฒนา ดำเนินการและประสานงานที่เกี่ยวกับสิ่งประดิษฐ์ นวัตกรรม หุ่นยนต์อาชีวศึกษา และโครงงานวิทยาศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างและพัฒนาขีดความสามารถและศักยภาพของครูผู้สอนและผู้เรียน 
ส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดการพัฒนานักประดิษฐ์เพื่อมุ่งผลสู่การเพิ่มปริมาณผู้เรียน ผู้สำเร็จอาชีวศึกษาและกำลังคนด้านวิชาชีพให้กับตลาดแรงงานของประเทศ  อีกทั้งส่งเสริมสนับสนุนการวิจัยทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อมแนวทางการจัดอาชีวศึกษาทั้งในและต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นต้นแบบและรูปแบบที่เหมาะสมหรือประสบผลสำเร็จ และกำหนดรูปแบบ แนวทาง องค์ความรู้ใหม่เกี่ยวกับการบริหารจัดการ การจัดการเรียนการสอนอาชีวศึกษา
พร้อมการพัฒนาต้นแบบและต่อยอดนวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์อาชีวศึกษา การพัฒนาพลังงานทดแทน การสื่อสาร ผลผลิตและผลิตภัณฑ์สู่เชิงพาณิชย์ ธุรกิจ การตลาด นำไปสู่การผลิตเพื่อจำหน่าย รวมทั้งการสร้างประโยชน์ให้กับประชาชน ชุมชน สังคม และการพัฒนาทักษะนักศึกษาให้เป็นผู้ประกอบการ

ฐานะผู้บริหาร ดร.มงคลชัย สมอุดร ผู้อำนวยการสำนักฯ ซึ่งมีพื้นฐานเป็นนักศึกษากฏหมาย จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดูจะไม่กังวล
“เมื่อเข้ามาเป็นผู้อำนวยการสำนักสำนักวิจัยและพัฒนาการอาชีวศึกษา ของ สอศ.ที่คิดว่าตัวเองมีความพร้อมพอสมควรเพราะได้เป็นผู้บริหารมานับ 10 ปี ประสบการในกระบวนการแก้ปัญหา ความเข้าออกเข้าใจในกระบวนการแก้ปัญหาใน กำหนดทิศทางของสถานศึกษาต่าง ๆ ...มีความคิดว่าประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้มีความมั่นใจมาก ๆ ที่จะทำงานในหน้าที่ตรงนี้ ประกอบกับประสบการณ์ที่ผมได้ศึกษาหาความรู้ในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก ซึ่งก็เป็นการเรียนที่เน้นการวิจัยเป็นสำคัญ”
ซึ่งคุณวุฒิที่ได้มาในช่วงการทำงานบริหารคือ Doctor of Philosophy (Vocational Education เน้นทาง Agricultural Education)  มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ Dip. in Aquaculture ราชอาณาจักรสเปน
ดังนั้นมั่นใจจึงมีว่าจะทำงานไปได้ด้วยดี...
เมื่อประเมินจากสภาพการจริงน่าพอใจทั้งส่วนการรณรงค์ส่งเสริมบรรยากาศการวิจัยในสถานศึกษา
“เมื่อก้าวเข้ามาแล้ว ถามว่าคาดหวังและตั้งความหวังกับตัวเองไหม ผมคิดผมตั้งความหวังไว้กับตัวเองมากกว่าคนอื่นตั้งความหวังให้ผม  ซึ่งจากความรู้จากประสบการณ์ ทิศทางและเป้าหมายการบริหารงานวิจัยทางอาชีวศึกษา
แต่ผมคาดหวังสูงกว่านี้อีกก็คือว่า ผมจะทำให้ได้มากกว่าที่คนอื่นคิด ในทุกเรื่องที่เกี่ยวกับวิจัยพัฒนาที่เรามีเป้าหมายสำคัญที่เราต้องสร้างสิ่งเหล่านี้ให้อยู่ในตัวครูอาชีวะทั้งประเทศแล้วก็ในตัวนักเรียนอาชีวะด้วย แล้วก็เป็นเป้าหมายสำคัญที่ผมทำให้ช่วง 3-4 ปีนี้ก็ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง อย่างน่าพอใจ ครูอาชีวะเรามีทักษะวิจัยที่เป็นความคิดมากขึ้น คิดตัดสินใจความรู้ที่มาจากกระบวนการวิจัย แล้วก็ใช้วิจัยมาจัดการเรียนการสอนในสถานศึกษาด้วย
นี่ก็เป็นความสำเร็จประการหนึ่งนี่ที่ผมในฐานะผู้รับผิดชอบก็ได้มีความพยายาม”

นวัตกรรมอาชีวะใช้งานได้ทันทีมิตินี้เพื่อชุมชนและสังคมโลก

“ขณะเดียวกันเราก็พยายามเสริมสร้างวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับวิจัยและพัฒนาสิ่งประดิษฐ์ให้กับเด็กอาชีวะศึกษาทั้วประเทศ โดยการจัดการความรู้กับหน่วยงานอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น  วช. หรือหน่วยงานอื่น ๆ ด้วยในการที่จะเอาองค์ความรู้ของนักประดิษฐ์นักวิจัย ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ ระดับนานาชาตินี่มาเชื่อมโยงกับองค์ความรู้ประสบการณ์พื้นฐานของเด็กอาชีวะที่ยังมีอยู่ แล้วก็สร้างสรรค์ผลงานที่เป็นสิ่งประดิษฐ์ออกมาให้กับพี่น้องได้ใช้กัน  เรียกว่าเป็นผลงานประดิษฐ์ที่ใกล้กับความเป็นจริงในโลกของการใช้ประโยชน์มากก็คืออาชีวะ อาชีวะประดิษฐ์ชิ้นงานชนิดที่สามารถใช้ได้เลย”
และจำนวนชิ้นงานนวัตกรรมหรือสิ่งประดิษฐ์ มีเพื่อขึ้นอย่างมีนยยะ
“...สิ่งประดิษฐ์ที่เป็นนวัตกรรม และเทคโนโลยีอื่น ของเราเพิ่มขึ้นทุกปี ตัวผลงานจำนวนผลงานจากเดิมที่เคยมีผลงาน จำนวน 1,000 ชิ้น ปีก่อน ๆ ตอนนี้มีมากขึ้นเป็นลำดับ 2,000 - 3,000 ชิ้น  จนถึงปัจจุบันมี 5,000 ชิ้น แล้วมีผลงานหลายพันผลงานก็สามารถไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ พัฒนาต่อยอดในเชิงพาณิชย์ได้บางผลงานก็สามารถเอาไปใช้ในชุมชนได้ทันทีหลังจากนักประดิษฐ์เราประดิษฐ์ผลงานนี้ขึ้นมาก็เอาไปใช้ได้ทันที
อันนี้ก็เป็นตัวชี้วัดอย่างหนึ่งที่เป็นที่สนใจที่ครูที่เด็กอาชีวะนี่ ให้ความสนใจกับการพัฒนาผลงาน ที่เกิดจากกระบวนการวิจัยมากขึ้น”
การที่ผลงานได้รางวัลในเวทีระดับนานาชาติก็เป็นเครื่องการันตีความสำเร็จ
“...ในเชิงคุณภาพผลงานหลายผลงานที่เราสรรหาคัดเลือกมาแต่ละภาคได้ 5 ผลงานที่สุดยอด นับร้อยผลงานเราก็ส่งเข้าประกวดในระดับนานาชาติที่ สาธารณรัฐเกาหลี   จีน  ใต้หวัน  มาเลเซียหรือที่ เจนนีวา สวิตเซอร์แลนด์บ้าง ในอเมริกาก็มี
ผลงานเหล่านี้เมื่อเราส่งไปประกวดผลงานระดับนานาชาตินี่ก็จะได้รับรางวัลชนะเลิศมาทุกครั้ง เหรียญทองก็ได้มาทุกปี อย่างน้อยที่สุดขั้นต่ำเลยก็คือได้เหรียญทองแดง นั่นก็ย่อมเหมือนความว่าครูและเด็กที่สนใจและพัฒนาผลงานอย่างต่อเนื่อง  สามารถพัฒนาตัวเองเข้าสู่มาตรฐาน ในระดับนานาชาติได้เช่นเดียวกันนั่นก็คือสิ่งที่เกิดการเปลี่ยนแปลงเมื่อเราเข้ามาพัฒนาตรงนี้อย่างจริงจัง”

พร้อมเป็นพันธมิตรและอาชีวศึกษาเอกชน

การนำนวัตกรรมที่มีกว่า 5,000 ผลงานให้มีการพัฒนาขึ้นมาจริง ๆ อาจจะมีอุปสรรคบ้างที่ทุกฝ่ายกำลังหาทางช่วยเหลือ
“จำนวนพันกว่าผลงานนี่ไปสู่การใช้ประโยชน์ได้ทุก ๆ ผลงาน อาจจะมีข้อจำกัดบางประการที่เป็นเรื่องของการพัฒนาเทคโนโลยีบางอย่างที่อาจจะต้องใช้ต้นทุนในการพัฒนาสูง ทาง รมว.ศธ  และท่านเลขา สอศ. ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ในเรื่องงบประมาณขององค์กรในเรื่องพัฒนาเทคโนโลยีสิ่งประดิษฐ์เหล่านี้เพื่อใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ ก็พยายามสร้างพันธมิตร
พันธมิตรที่เป็นผู้ประกอบการ จากสภาอุตสาหกรรม จากกระทรวงฯที่มีขีดความสามารถที่สามารถนำเทคโนโลยีเหล่านี้ไปพัฒนาเพื่อนำไปสู่การใช้ประโยชน์จริง ก็พยายามจับมมือกับหลาย ๆ หน่วยงาน”

ส่วนของการโอนย้ายสถานศึกษาอาชีวศึกษา เพื่อประโยชน์ชาติ สำนักงานวิจัยฯ ก็ยินดี
“ในอนาคตการย้ายสถานศึกษาสังกัด สช.เข้ามาสู่ สอศ. สำนักวิจัยฯ พร้อมที่จะดูแลสถานศึกษาเอกขนที่จะเข้ามาร่วมอีก 400 กว่าแห่ง เรายินดีเลย เราพร้อมด้วย...
เราจะใช้หลักการที่เราทำกับรัฐแล้วเราทำได้ผล  ให้เอกชนมาร่วมผมคิดว่าเป็นการทำงานในเชิงสร้างสรรค์ ท้าทาย อาจจจะใหม่สำหรับการศึกษาภาคเอกชนในการมาร่วมในงานวิจัยและพัฒนา ผมว่าถ้ามาสักระยะก็ปรับตัวได้นี่ เผลอ ๆ ภาครัฐเองอาจจะมีคู่แข่งที่น่ากลัวเพราะภาคเอกชนมีอิสระที่จะคิดจะทำแล้วก็มาความสามารถและมีแหล่งทุนมากกว่าภาครัฐด้วยซ้ำไป
เพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องที่ดีที่เอกชนจะเข้ามาในส่วนของการวิจัยพัฒนาในส่วนนวัตกรรม รวมถึงวิจัยอื่น ๆ ด้วยเพราะเราเชื่อว่าถ้าภาพรวมเราทำแบบนั้นแล้วนี่ จะทำให้ภาพรวมของการพัฒนาอาชีวศึกษาก้าวหน้าไปด้วย
เพราะฉะนั้นการขับเคลื่อนและการพัฒนากำลังคน เพื่อการพัฒนาประเทศก็จะดียิ่งขึ้น พัฒนายิ่งขึ้นแล้วก็มีเอกภาพในเชิงนโยบาย มีนโยบายเดียวกันมีผู้บังคับบัญชาคนเดียวกัน ควบคุมคุณภาพมาตรฐานเดียวกัน
ก็นำไปสู่แนวทางการพัฒนากำลังคนไปสู่แนวทางเดียวกันด้วย
ปัญหาต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นต่อไปในเมื่อเรามาอยู่บ้านเดียวกันแล้วนี่ มีผู้ปกครอง คุณพ่อ คุณแม่คนเดียวกันนะครับปัญหาการทะเลาะวิวาทต่าง ๆ ก็จะลดน้อยลง...
ถ้าอาชีวศึกษาเอกชนเข้ามาร่วมกับเราแล้ว ใช้กระบวนการเดียวกับเราในการช่วยเหลือนักเรียนก็จะทำให้คุณภาพอันพึงประสงค์ จิตนิสัยต่าง ๆ เป็นไปในทางเดียวกัน แล้วเราก็มาช่วยกันปรับมาพัฒนาตรงนี้มันก็ยิ่งทำให้คุณภาพคนที่เราจะทำให้คนออกไปสู่สังคมนี่มีคุณภาพมากเท่าเทียมกันมากขึ้น”

ประกวดสิ่งประดิษฐ์ของคนรุ่นใหม่ระดับชาติ คือ ความภูมิใจของชาวอาชีวศึกษา

สำหรับผลงานที่เป็นรูปธรรมของนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์ของนักเรียนอาชีวศึกษา สุดท้ายสุดยอดของผลงานจะมาร่วมประกวดในงานประกวดสิ่งประดิษฐ์ของคนรุ่นใหม่ ระดับชาติ ซึ่งประจำปีการศึกษา 2558 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18 - 21 กุมภาพันธ์ 2559  ณ ห้างสรรพสินค้า เดอะมอลล์ สาขาบางกะปิ กรุงเทพมหานคร
“งานนี้ถือว่าป็นงานที่ใหญ่ที่สุดของอาชีวศึกษามากที่สุดงานหนึ่งที่จะแสดงผลงานของนักประดิษฐ์อาชีวะศึกษาซึ่งถือว่าเป็นนักประดิษฐ์ที่ได้รับการยอมรับในสังคมปัจจุบัน
เราจะมีผลงานการประดิษฐ์ที่ได้รับจากคัดเลือกจากระดับภาคทั่วประเทศมากกว่า 400 ผลงาน ถือว่าเป็นผลงานสุดยอดระดับภาคมา มาประกวดแข่งขันกันหาสิ่งที่ดีที่สุด หาผลงานที่สุด ซึ่งเรามีรางวัลให้กับนักประดิษฐ์ครั้งนี้มากมาย
...ท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมผลงานเราก็จะได้รับชมความแปลกใหม่ เพราะนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์เหล่านี้เป็นเรื่องใหม่ที่ บรรยากาศการส่งเข้าประกวดปีหน้าดีกว่าปีที่แล้วเยอะ เพราะว่าสิ่งที่เรากำหนดนโยบายหรือแนวทางให้แก่นักประดิษฐ์ที่เป็นนักเรียน นักศึกษา
ในปีนี้ก็คือว่าสิ่งประดิษฐ์ที่จะเข้ามาสู่ระบบคัดเลือก เพื่อจะสรรหาในสิ่งที่ดีสุดในปีนี้ก็คือต้องเป็นสิ่งที่ใหม่ไม่ซ้ำอันเดิม หรือจะเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ต่อยอดอันเดิมให้เห็นการเปลี่ยนแปลงจากเดิมเพื่อเป็นเวอร์ชั่นใหม่ ๆ
เท่าที่ผมไปสัมผัสระดับภาคเกือบทุกภาคก็ได้เห็นผลงานที่ อะแมซิ่งเหมือนกันก็คือใหม่ ๆ เยอะแล้วก็ อะไรบางอย่างที่ตอบโจทย์สังคม ตอบโจทย์ชุมชนก็มีมากขึ้น โดยเฉพาะปัจจุบันเราเน้นการดูแลผู้สูงอายุ คือเราต้องมีนวัตกรรมหรือสิ่งประดิษฐ์ที่ช่วยผู้สูงอายุในการดำรงชีพ ให้มีชีวิตที่ยั่งยืนและสุขภาพที่แข็งแรง ปีหน้าเราก็มีสิ่งประดิษฐ์ประเภทนี้เข้ามาก็เข้ามาตอบโจทย์สังคม เป็นหัวข้อที่เรากำหนดเปนแนวทางขึ้นมาเพราะว่าเป็นหัข้อที่เราเอามาจากความต้องการของสังคม โดยสภาอุตสาหกรรมเป็นคนกำหนดโจทย์ประเด็นนี้ขึ้นมาว่าอย่างได้สิ่งประดิษฐ์ที่เป็นการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ เพราะว่าผู้สูงอายุเดี๋ยวนี้มากขึ้น การดูแลสุขภาพยังเหมือนเดิมอยู่ทำอย่างเราจะช่วยผู้สูงอายุเหล่านนี้ได้มีเครื่องอำนวยความสะดวก ในการดำรงชีพให้ปกติเหมือนคนเทั่ว ๆ ไป ให้มีชีวิตที่ยืนยาวต่อไปได้”

เจิดฤดี ชินเวโรจน์ ผอ.สมอ. สอศ. บทบาทสร้างมาตรฐานสากลให้อาชีวศึกษาไทย

วิชญะ  ครุพิทักษ์, เวทย์  มุสิสวัสดิ์ : เรื่อง
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สอศ. : ภาพ


ในอำนาจหน้าที่ของสำนักมาตรฐานการอาชีวศึกษาและวิชาชีพ   สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มี 5 ประเด็นหลัก  ถ้าสรุปความจาก เจิดฤดี ชินเวโรจน์   ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานการอาชีวศึกษาและวิชาชีพ  (สมอ.) ท่านใหม่ จะจำกัดความบทบาทหน้าที่ไว้ สั้น ๆ คือ
“บทบาทหน้าที่ของเราใกล้เคียงกันทั้ง 5 หัวข้อ คือแต่ละบทบาทหน้าที่จะพัฒนาเรื่องมาตรฐานและ
หลักสูตรที่เป็นแกนกลางของอาชีวศึกษาทุกระดับ ตรงนี้ถ้ามีการพัฒนาตัวมาตรฐาน แล้วก็เรื่องหลักสูตรแกนกลางได้เป็นหลักแล้วนี่ มันก็ส่งผลกระทบการพัฒนาในเรื่องของสื่อนวัตกรรม ตลอดจนระบบมาตรฐานการกำหนดคุณวุฒิมาตรฐานอาชีพ การเทียบโอนหรือการรับรองวุฒิ  แม้กระทั่งการพัฒนารูปแบบกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพราะฉะนั้นถ้าถามในส่วนประเด็นแรก  เราต้องได้รับมาตรฐานการจัดหลักสูตรเกณฑ์กลางของอาชีวศึกษาในทุกระดับ ให้ชัดเจนเสียก่อนมันก็จะส่งผลถึงตัวอื่น ๆ ตามมาในหน้าที่หลักของเรา”

ภาระกิจหลักที่สำคัญสุดตอนนี้ คืออะไร
ภาระกิจหลักของเราก็คือเรื่องของการพัฒนาวิจัยพัฒนามาตรฐานและหลักสูตรแกนกลางของอาชีวศึกษา ในทุกระดับของสำนักฯ ภาระกิจนี้ต้องไปล้อกับภาระของ สอศ. ซึ่ง สอศ.นี่วิสัยทัศน์ของเราคือต้องจัดการอาชีวศึกษา อาชีพ ในการที่จะเป็นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม ให้สามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับระดับประเทศได้ ซึ่งตรงนี้สำนักมาตรฐานการอาชีวศึกษาก็จะต้องมุ่งมั่นในการพัฒนา สู่ความเป็นเลิศทางด้านวิชาชีพและข้อสำคัญต้องสอดคล้องกับมาตรฐานสากลและสามารถแข่งขันได้ในระดับนานาชาติ
อันนี้พี่ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งเราจะขับเคลื่อนอย่างไรให้ไปสู่ความเป็นเลิศตรงนั้น

ในการปรับหลักสูตรอาชีวศึกษาฐานะผู้คลุกคลีกับสำนักงานมาตรฐานอาชีวะฯมา โดยตลอดมีข้อสังเกตุอะไรไหม
“ในการพัฒนาหลักสูตร เริ่มมาจากมีปัญหาว่าหลักสูตรเดิมมาจากการพัฒนาซัพพลายไซต์  ไม่ได้มองดีมานต์ไซต์  เพราะฉะนั้นตอนนี้อาชีวศึกษาก็เริ่มปรับในเรื่องของการพัฒนาหลักสูตร ให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคผู้ใช้ หรือภาคของผู้ประกอบการ  ภาคการผลิตบริการและภาคอุตสาหกรรม ซึ่งตรงนี้เราต้องเชื่อมโยงการทำงานกันกับทุกภาคส่วนที่เป็นผู้ที่ต้องการใช้กำลังคนของเราในสาขาต่าง ๆ"

ซึ่งก็ต้องอาศัยความร่วมมือจากสถานประกอบการ
“ใช่คะเพราะเป็นรูปแบบการร่วมมือผลิตแรงงานเพื่อเข้าสู่ตลาดแรงงานเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอการ
ซึ่งตอนนี้อาชีวศึกษาก็ได้ทำความร่วมมือในด้านการพัฒนา การจัดระบบการศึกษา ค่อนข้างชัดเจนในรูปแบบของทวิภาคีก็ดี ในรูปแบบการพัฒนาจัดการเรียนการสอน การพัฒนาหลักสูตรร่วมกันโดย เราจัดตั้งเป็นในรูปของ กรอ คือคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน ในกลุ่มสาขาคลัสเตอร์ต่าง ๆ นอกจากคลัสเตอร์ต่าง ๆ แล้วเราก็ยังกำหนดไปตามบริบทแอร์เรีย ก็คือของแต่ละภูมิภาค แบ่งเป็นภาค ซึ่งแต่ละภาคก็มีสถานศึกษาที่อยู่ในบริบท ที่ร่วมกับคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนที่อยู่ในพื้นที่ ที่จะร่วมกันพัฒนาหลักสูตรและพัฒนาการจัดการเรียนการสอน ให้ผลิตบุคคลากรให้มีคุณลักษณะที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้หรือภาคประกอบการ”

ด้านบุคคลากรผู้สอน คือ ครูอาจารย์จำเป็นต้องพัฒนาตรงนี้อย่างไร
“นอกจากการพัฒนาหลักสูตรแล้ว หัวใจที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือการที่เราขับเคลื่อนหลักสูตรนั้นลงสู่เป้าหมายของผู้เรียนก็คือครูอาจารย์ เพราะฉะนั้น ครูอาจารย์เป็นสิ่งที่ สำคัญว่าครูผู้ใช้หลักสูตรนี่จะต้องมีความเข้าใจในเรื่องของหลักสูตร แล้วก็ไม่ใช่คิดว่าแบบเรียนนี่เป็นรายวิชาที่ได้รับมอบหมายให้ไปสอนเพราะฉะนั้นครูก็จะสอยแบบง่าย ๆ สอนตามตำราเรียน มันก็จะทำให้เกิดปัญหา ครูไม่ได้สอนให้เด็กเกิดทักษะจริง ๆ หรือมีศักยภาพจริง ๆ ก็จะเน้นสอนไปทางด้านวิชาการมันก็จะเกิดปัญหา  
นอกจากนี้เราจะเห็นว่าครูส่วนใหญ่ไม่มีความรู้ในเรื่องการสอนเพราะครูส่วนใหญ่จบมาจากทางสายวิชาชีพ เมื่อไม่รู้เรื่องการสอนก็ไม่เข้าใจในเรื่องเนื้อหารายวิชาการสอนที่ถ่องแท้ ก็ไม่เข้าใจรายวิชาที่สอนและวิธีการ ที่จะนำมาสอนเด็กให้เกิดทั้งองค์ความรู้และทักษะ ก็จะส่งผลให้จัดสื่อการเรียนการสอนหรือจัดหาสื่อที่เหมาะสมออกข้อสอบไม่เป็น มันก็จะเชื่อมโยงไปหมด เพราะหลักสูตรก็เริ่มต้นตั้งแต่ มาตรฐานรายวิชา ลงไปสู่เทคนิคและวิธีการสอน และไปสู่เกณฑ์การวัดผลประเมินผล ซึ่งเหล่านี้พี่เป็นว่าเป็นสิ่งสำคัญ
เพราะฉะนั้นเราต้องไปร่วมมืออย่างที่บอกคือไปร่วมมือกับภาคเอกชนที่จะพัฒนาในเรื่องการจัดทำหลักสูตรให้ได้ฐานสมรรถนะในคุณลักษณะตรงกับความต้องการผู้ประกอบการหรือผู้ใช้ ส่วนเรื่องของครูเราต้องจัดให้มีพัฒนาครูให้มีความครูความเข้าใจ ในเรื่องหลักสูตรแล้วก็วิธีการสอน มาตรฐานรายวิชา ลงไปสู่เกณฑ์การประเมิน มันก็จะมีความชัดเจนมากขึ้น”

การเข้มงวดตรวจสื่อการเรียนการสอนดูจะเป็นมาตรการเพื่อความเป็นสากล และมีคุณภาพ
“เมื่อก่อนเราไม่ควบคุมตำรา ตอนนี้เราควบคุมเฉพาะตำราเรียนหรืหนังสือเรียนเนื่องจากว่าเป็นงบประมาณที่เราสนับสนุนตามนโยบายการเรียนฟรี เพราะฉะนั้นถาม่า สมอ. ได้ดำเนินการอะไร สมอ.ก้ได้ดำเนินการจัดทำมาตรฐาน การประเมินสื่อ เรียนเรียนรู้และนวัตกรรมอาชีวศึกษา
ซึ่งทำออกมาเป็นเล่มแล้วเราก็จัดส่งให้สถานศึกษาทุกแห่ง ได้ทราบว่าเรามีเกณฑ์ประเมินอย่างไรในเรื่องของสื่อและนวัตกรรมที่เราใช้ในการจัดการเรียนการสอน
...ส่วนเรื่องหนังสือเรียน  เราค่อนข้างชัดเจนโดยเฉพาะหนังสือเรียนฟรี ที่เราได้กำหนด 12 ปีที่เราได้รับงบประมาณและเราก็จัดทำให้อาชีวศึกษา
ซึ่งตรงนี้เราค่อนข้างจะชัดเจนเพราะว่าเรากำหนดเกณฑ์มาตรฐานการตั้งราคาหนังสือเรียน โดยมีคณะกรรมการทุกภาคส่วนเข้ามาคือทุกภาคส่วนนี่ ทั้งภาครัฐและเอกชน ภาครัฐมาจากไหน  ภาครัฐก็มาจากภาครัฐทางมาจากทาง สอศ เอง มาจากสำนักพิมพ์ของโรงพิมพ์คุรุสภา มาจากสำนักพิมพ์ของมหาวิทยาลัย ในขณะเดียวกันภาคเอกชนเราก็เชิญสำนักพิมพ์ที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมเป็นคณะกรรมการพิจารณากำหนดมาตรฐานการตั้งราคาหนังสือเรียน หลังจากนั้ก็มีการประชุมชี้แจงกับสำนักพิมพ์ก่อนการตรวจทุกครั้ง เพราะปีหนึ่งเราตรวจ 2 ครั้ง เพราะฉะนั้นเมื่อตรวจ 2 ครั้งเราก็จะเชิญสำนักพิมพ์ทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง ที่มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามาประชุมชี้แจง ทำความเข้าใจในเรื่องที่เราจะชี้แจงในเกณฑ์ที่ประเมิน วางแผนเตรียมการทำแบบฟอร์มขั้นตอนในการตรวจประเมินคุณภาพหนังสือเรียนแล้วก็กำหนดระยะเวลารับส่งหนังสือเรียนที่ชัดเจน แล้วเชิญสำนักพิมพ์มาประชุมทำความเข้าใจ กำหนดปฏิทินในการดำเนินการร่วมกัน และนอกจากนี้ก็ประกาศแจ้งสำนักพิมพ์ให้สำนักพิมพ์ที่จะดำเนินการเข้าตรวจส่งหนังสือเรียนมาเพื่อจะทำการตรวจและดำเนินการตรวจประเมิน
การตรวจประเมินนี่เราตรวจประเมินหนังสือเรียนขั้นต้นกับการตรวจขั้นสุดท้าย ขั้นตอนก็ตรวจทั่วไปตามมาตราฐานที่เรากำหนด ส่วนการตรวจครั้งสุดท้ายก็คือการตรวจในแง่เนื้อหาสาระ ว่าได้ตรงตามนั้นไหม แล้วหลังจากนั้นก็ประกาศคุณภาพหนังสือเรียนทางเว็บไซต์ของ สอศ. เพื่อทำประชาพิจารณ์ใครมีข้อขัดแย้งอะไรก็สามารถแย้งมาแล้วเราก็ชี้แจงไป
หลังจากนั้นเราก็ประชุมชี้แจงกับสถานศึกษา ซึ่งในปี 2559 พี่จะจัดซื้อเป็นภูมิภาค หลังจากนั้นจะมีการติดตามการจัดซื้อหนังสือเรียนถูกต้องตามระเบียบไหม เป็นไปตามที่เรากำหนดหรือไม่อย่างไร มันก็ลดปัญหาหนังสือเรียนไม่ได้คุณภาพไปได้ระดับหนึ่ง ก็จะมีเกณฑ์อยู่
หนังสืออะไรก็ได้ที่เราได้ขึ้นเว็ปไซต์ว่าเราได้ตรวจประเมินแล้ว มีสิทธิขายได้ ถ้าเราไม่ทำก็ไม่มีการควบคุมคุณภาพมาตรฐาน แล้วจะส่งผลไปถึงผู้เขียน ซึ่งสำนักมาตรฐานชื่อก็บอกอยู่แล้วว่ามันจะต้องได้ทั้งมาตรฐานและคุณภาพ โดยเฉพาะเอ้าท์พุท เอ้าว์คัมที่เปิดขึ้น ก็คือคุณภาพของผู้เรียนให้ตรงคุณลักษณะของผู้ใช้แล้วก็ให้ได้คุณภาพที่เราจะสามารถตามความต้องการ
พอเราประมาณเสร็จแล้วเราก็ประเมินทุกปี มีการตรวจประเมินทุกปีคือถ้ามีการร้องเรียนมาว่าหนังสือไม่ได้คุณภาพนี่
เราก็ต้องมีปัญหาแล้ว เพราะบางทีไม่เหมาะสมกับราคา อย่างเช่นเรากำหนดว่ามาตรฐานควรจะต้องมีกี่ปอนด์ รูปภาพจะต้องมีอะไรแบบนี้นะค่ะ  ซึ่งจะมีมาตรฐานซื้อที่เรากำหนดอยู่”

บทบาทของ สมอ. ที่จะผลักดันให้อาชีวศึกษาไทยก้าวสู่ประชาคมอาเซียน
“เรื่องอาเซียนนี้เราดำเนินการเตรียมการมาพอสมควรเพราะการที่เราก้าวเข้าสู่ AEC ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ  เพราะฉะนั้นเราจะยึดโยงและเชื่อมโยงกับการทำงานที่มีการควบคุมมาตรฐานอาชีพ เช่น สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน  ในการขับเคลื่อนพัฒนาหลักสูตรฐานสมรรถนะ ตามมาตราฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพ ซึ่งเรื่องนี้เราถือว่าเป็นสิ่งสำคัญและในขณะเดียวกันเราก็ต้องผลิตผู้เรียนให้ได้คุณลักษณะตามที่ได้กำหนดไว้ NQF ที่ดำเนินการโดยสภาการศึกษา ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งสำคัญ และนอกจากนี้แล้วถามที่เราว่าได้ร่วมกับสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพที่คุยเมื่อกี่นี้ เราได้ดำเนินการไปแล้วใน 13 หลักสูตร ก็คือ 13 อาชีพ แล้วปรับหลักสูตรทั้ง ปวช  ปวส  ให้ได้มาตรฐานมีสมรรถนะวิชาครบถ้วน    ครบคลุ้มคุณวุฒิวิชาชีพแต่ละวิชาชีพทั้งนี้จะต้องเป็นที่ยอมรับในระดับสากลด้วย”

ฐานะที่เติบโตมากับ  สมอ. ขณะนี้มาเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของสำนักแล้วมีอะไร กล่าวถึงนโยบายที่ให้ผู้ใต้บังคับบัญได้ตระหนักไหม
“ฐานะตัวเองเป็นลูกหม้ออาชีวศึกษามานาน แต่ไม่มีอำนาจหรือ Authority ตรงนี้ แต่ว่าขณะนี้ในฐานะที่เราทำหน้าที่ผู้อำนวยการสำนัก พี่ก็ต้องมองว่าเราเองก็ต้องปรับบทบาทเราในเรื่องของการพัฒนาหลักสูตร  ข้อสำคัญต้องพัฒนาน้อง ๆ ในสำนักฯ ในกลุ่มให้เข้าใจเป็นแนวเดียวกันเสียก่อน แล้วทุกคนจะต้องได้รับการพัฒนาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของกรอบหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอนเรื่องของวิธีการเรียนรู้อันไหนที่จะเหมาะสมมาใช้กับอาชีวศึกษา
น้อง ๆ ในสำนักฯ ทุกคนช่วยกันพี่คิดว่าพี่คนเดียวขับเคลื่อนไม่ได้ ต้องน้อง ๆ ทุกคนช่วยกัน
ช่วยกันให้งานของสำนักฯจะได้เดินหน้าไปได้ แล้วในขณะเดียวกันพี่ก็ต้องใช้อาศัย ทางครูและผู้บริหารบางท่านเข้ามาช่วยขับเคลื่อนให้เกิดการเดินไป
เพราะบางทีในการจัดทำหลักสูตรนี่คนที่สาม ต้องเอาครูผู้สอนมาช่วยเราด้วยในการจัดทำหลักสูตร เพราะว่าในส่วนกลางหรือตัวพี่เองนี่ไม่ได้รอบรู้ไปทุกเรื่องในแต่ละสาขา เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้ก็จะมาช่วยเราในการขับเคลื่อนทั้งองคาพยพ นอกจากนั้นพี่ยังวาดฝันไปอีก ว่าเราจะทำอย่างอย่างไรที่จะได้มาตรฐานสากล เราก็ต้องไปจับมือกับสถาลันการอาชีวศึกษาที่อยู่ในระดับนานาชาติ ที่ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับผู้แล้ว อย่างเช่น ประเทศสิงคโปร์  ประเทศญี่ปุ่น  หรือ เกาหลี
...เพราะฉะนั้นเราก็จะจับมือระหว่างวิทยาลัยเรากับญี่ปุ่นที่จะพัฒนาให้ได้มาตรฐานและเป็นที่ยอมรับ แล้วเผลอ ๆ พี่ก็จะพยายามทำให้เป็นซิสเตอร์คอลเล็จ ในอนาคตพี่คาดหวังว่าเด็กของเราจะได้ปริญญาทั้ง 2 ใบในอนาคตที่คาดหวังไว้”

วันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

อธิการบดี มมส.คนใหม่ภูมิใจความเป็นเด็กอาชีวศึกษา

โดย ศ.ดร.สัมพันธ์  ฤทธิเดช  อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม

ศ.ดร.สัมพันธ์ ฤทธิเดช 
หมายเหตุบล็อกเกอร์ : ศ.ดร.สัมพันธ์ ฤทธิเดช  เกิด  21 พฤศจิกายน 2505 เป็นชาวจังหวัดมหาสารคาม การศึกษาปริญญาตรี  คอ.บ. วิศวกรรมเครื่องกล สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตเทเวศน์ 2531 ปริญญญา โท วศ.ม. วิศวกรรมเครื่องกล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 2540 ปริญญาเอก วศ.ด. วิศวกรรมเครื่องกล  มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 2545  ทุนจากคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

เริ่มรับราชการในตำแหน่งอาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมเครื่องกล ก่อนจะขึ้นดำรงตำแหน่ง รองคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ฝ่ายวิจัย  และคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม  และได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ในตำแหน่งศาสตราจารย์ ในสาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องกล สังกัด คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคม 2557 รับรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่นสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม  เข้ารับรางวัลพระราชทานจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  รางวัลอาจารย์ดีเด่น กองทุนเอกิ้น เลาเกเซ่นอนุสรณ์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  เข้ารับรางวัลพระราชทานจาก สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี  รางวัลนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์จากสถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย  เข้ารับรางวัลจาก พณฯ องคมนตรี กำธน สินธวานนท์  เมธีวิจัย สกว. Editor/Reviewer 

และเมื่อ วันที่ 29 มกราคม 2559 สภามหาวิทยาลัยมีมติเห็นชอบให้เสนอชื่อเพื่อโปรดเกล้าฯ ศ.ดร.สัมพันธ์ ฤทธิเดช ดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคามคนใหม่
จากที่เคยเป็นอดีตนักศึกษาอาชีวศึกษาคนหนึ่งที่เติบโตด้วยความภูมิใจในแวดวงราชการ บทความ มุมมองอาชีวศึกษาไทยในปัจจุบัน ของท่านจึงเราทุกคนในแวดวงการศึกษาควรอ่าน


มุมมองอาชีวศึกษาไทยในปัจจุบัน

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่จะพัฒนาประเทศไทยให้มีความเจริญก้าวหน้าทัดเทียมนานาอารยประเทศ ประเทศไทยจำเป็นจะต้องพึ่งพาแรงงานจากภาคอาชีวศึกษาเป็นจำนวนมากพอสมควร ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยยังขาดแรงงานทางด้านฝีมืออยู่เป็นจำนวนมาก
     
        ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องมีการปรับปรุงแก้ไขการผลิตกำลังแรงงานคนด้านอาชีวศึกษาอย่างเร่งด่วน  กระผมในฐานะเป็นเด็กที่เติบโตมาจากอาชีวศึกษา ขอแสดงความคิดเห็นส่วนตัวในประเด็นการพัฒนากำลังคนด้านอาชีวศึกษาไว้สัก  4  ประเด็น คือ

1.  เส้นทางการเดินทางเข้าสู่การเรียนอาชีวศึกษา 
    ปัจจุบัน  หลักสูตรอาชีวศึกษามีการรับเข้าเรียนระดับ ปวช. จากเด็กนักเรียนที่จบ ม.3 มา  ส่วนระดับ ปวส. จะรับเด็กนักเรียนที่จบ ม.6 เข้ามาเรียน
    อดีต  หลักสูตรอาชีวศึกษามีการรับเด็กเข้าเรียนระดับ ปวช. จากเด็กนักเรียนที่จบ ม.3  ที่มาจากสายอุตสาหกรรมศิลป์ หรือมาจากโรงเรียนที่เปิดสอนโครงการมัธยมแบบผสม (คมส.) มาเข้าเรียนเป็นหลัก ส่วนระดับ ปวส. จะรับเด็กที่จบระดับ ปวช.  เข้ามาเรียน
    สรุป  ประเด็นที่ 1  จะเห็นว่าความเข้มข้นในเรื่องทักษะฝีมือในอดีตนั้นจะมีความเข้มข้นและมีคุณภาพมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน  คงต้องมีการปรับแก้ระบบการรับเด็กนักเรียนเข้ามาเรียนอาชีวศึกษาใหม่หรืออาจมีการย้อนไปทบทวนระบบการรับเด็กนักเรียนเข้ามาเรียนอาชีวศึกษาตามอดีตที่ผ่านมา

2.  เส้นทางของอาชีพ 
    เป็นเรื่องที่ยังคาราคาซังมาอย่างต่อเนื่อง  การตีค่าราคาของผู้จบอาชีวศึกษายังไม่ได้มีการปรับแก้และพัฒนาอย่างเป็นระบบจึงส่งผลต่อจำนวนผู้เข้าเรียนด้านสายอาชีพซึ่งมีจำนวนค่อนข้างน้อย  ซึ่งการตีค่าราคาของผู้จบอาชีวศึกษานี้ถือว่าเป็นเส้นทางอาชีพที่สำคัญอย่างยิ่ง และถือว่าเป็นตัวแปรหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อการผลิตบุคลากรทางสายอาชีพอาชีวศึกษา
สรุป  ประเด็นที่ 2  หากไม่มีการปรับแก้เส้นทางอาชีพของผู้จบอาชีวศึกษา  ก็จะทำให้มีผลกระทบต่อจำนวนการผลิตบุคลากรทางสายอาชีวศึกษาเพื่อสนับสนุนการพัฒนาประเทศ

3.  อาชีวศึกษาไปติดกับดักในเรื่องปริญญา
คงปฏิเสธไม่ได้เมื่อยังแก้ปัญหาในประเด็นที่ 2  ที่กล่าวมายังไม่สำเร็จ  แต่อาชีวศึกษาต้องไปขยับตัวเองขึ้นไปผลิตบุคลากรอาชีวศึกษาในระดับปริญญาตรี  ซึ่งก็ไม่ผิด แต่จริงๆแล้วอาชีวศึกษามีความโดดเด่นในเรื่องของทักษะฝีมือ  ซึ่งอาจไม่จำเป็นจะต้องขยับไปถึงระดับปริญญาตรี  แต่หากจำเป็นจริงๆ ในระดับปริญญาตรีของอาชีวศึกษาจะต้องเน้นเรื่องของทักษะฝีมือเป็นฐานเท่านั้น  ดังเช่น หลักสูตร ปวส. ที่บวกกับทวิภาคี  ซึ่งเป็นหลักสูตรที่มีความเข้มแข็งและโดดเด่นในเรื่องของทักษะฝีมืออย่างชัดเจน
สรุปประเด็นที่ 3  อาชีวศึกษาต้องเน้นเรื่องของทักษะฝีมือเป็นฐาน  ก็จะทำให้บุคลากรทางสายอาชีวศึกษามีความโดดเด่นและตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานแน่นอน

4.  การพัฒนาครู อาจารย์ ของอาชีวศึกษา 
ปัจจุบันอาชีวศึกษาขาดแคลนครู อาจารย์ ที่มีฝีมือเป็นจำนวนมากสาเหตุอาจเนื่องมาจากการเกษียณอายุราชการ  แต่สถาบันอาชีวศึกษาไม่ได้รับตำแหน่งทดแทน คงมีแต่ได้จ้างครูผู้ช่วยสอนทดแทนเท่านั้น  จึงทำให้ขาดกำลังใจและกำลังคนทางด้านครุ อาจารย์ ที่จะมาเสริมความเข้มแข็งทางด้านทักษะฝีมือของอาชีวศึกษาให้คงอยู่ต่อไป
สรุปประเด็นที่ 4  อาจจะต้องมีสถาบันที่ช่วยผลิตบุคลากรทางด้านครูช่างที่มีคุณภาพเพื่อป้อนเข้าสู่อาชีวศึกษา โดยมีสถาบันผลิตครูช่าง  เช่น  หลักสูตร  ระดับปริญญาตรี ครุศาสตรอุตสาหกรรมบัณฑิต (คอ.บ.)  ซึ่งจริงๆในประเทศก็มีหลายสถาบันที่มีหลักสูตรผลิตครูช่างเหล่านี้อยู่แล้ว

จากการที่กระผมกล่าวมาทั้งหมด  4  ประเด็น  อาจจะไม่คลอบคลุมอีกหลายๆประเด็น  แต่ก็คงมีความถูกต้องบ้างไม่มากก็น้อย  กระผมในฐานะเป็นศิษย์เก่าอาชีวศึกษา  ก็มีความหวังว่าบางท่านคงรู้ประเด็นและปัญหาของอาชีวศึกษาดีกว่ากระผม  แต่อย่างไรก็อยากให้ทุกๆท่านมาร่วมมือร่วมใจพัฒนาอาชีวศึกษาของพวกเราให้มีความเข้มแข็ง  และพร้อมไปด้วยคุณภาพ

     ซึ่งท้ายสุดก็จะส่งผลถึงการพัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าต่อไปดั่งที่ชาวอาชีวศึกษามุ่งหวังไว้









ผศ.ดร.สุรวาท ทองบุ ประธานสภาที่ประชุมคณบดีคณะครุศาสตร์ศึกษาศาสตร์แห่งประเทศไทย (ส.ค.ศ.ท.)

เรื่อง : ศึกษา  สังฆกรรม  /  Fadhill Creative Studio  : ภาพ

ว่าด้วยบัณฑิตครู...ทัศนะก่อนเข้าสู่วิชาชีพด้วยคุณภาพ

ผศ.ดร.สุรวาท  ทองบุ
ประธานสภาที่ประชุมคณบดีคณะครุศาสตร์ศึกษาศาสตร์แห่งประเทศไทย (ส.ค.ศ.ท.)




       สภาที่ประชุมคณบดีคณะศึกษาศาสตร์และครุศาสตตร์แห่งประเทศไทยเป็นการรวมกลุ่มของคณบดีคณะครุศาสตร์ศึกษาศาสตร์ รวมทั้งคณบดีคณะคุรศาสตร์อุตสาหกรรม และรวมทั้งวิชาการอื่นรวมทั้งคณะวิชาการที่ผลิตครู ตอนนี้มีสมาชิก ๗๕ แห่ง องค์กรนี้ปัจจุบันได้บริหารภายใต้ประธานสภาฯชื่อผศ.ดร.สุรวาท  ทองบุ คณบดีคณะครุศาสตร์  มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม นับเป็นการเข้าสู่ตำแหน่งครั้งที่ ๒ 

ความแตกต่างระหว่างครั้งแรกกับครั้งที่ ๒ ในตำแหน่งประธาน ส.ค.ศ.ท. เหมือนหรือแกต่างกันอย่างไร

         ครั้งแรกหลังจากนั่งในตำแหน่ง ๒ ปีเต็ม เปลี่ยนรัฐมนตรี ๔ ท่าน ซึ่งนโยบายต่าง ๆ ก็จะแตกต่างกันไปทั้ง ๔ ท่าน
เพราะฉะนั้นในส่วนของสภาคณบดีฯก็หาหลัก หาจุดยืน ซึ่งเราก็เสนอจุดยืนของเรา ก็ยังได้รับการตอบรับ
...การได้รับการเลือกเข้ามาเป็นครั้งที่ ๒  พอดีผมเว้นวรรคไป ๘-๙ เดือน เข้ามาอีกเป็นครั้งที่ ๒ เข้ามาครั้งนี้บรรยากาศก็เปลี่ยน รัฐบาลมาในทางพิเศษมีความมุ่งมั่นที่จะปฏิรูปการศึกษา  เพราะฉะนั้นอันนี้ ก็เป็นโอกาสดี ทางสภาคณบดีฯ ก็คงจะทำข้อเสนอ ไม่ว่าจะผลิตและพัฒนาครูและพัฒนาการศึกษาทุกด้านให้ฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็น ครม. (รัฐบาลหรือรัฐมนตรี) รวมทั้ง สนช. (สภานิติบัญญัติแห่งชาติ) สปช.(สภาปฏิรูปแห่งชาติ) แล้วก็หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวรวมทั้ง คุรุสภา หน่วยงานผลิตครูต่าง เราจะพยายามที่จะอยู่ในช่วงเฉพาะปีแรก
                ซึ่งวาระของผม ๒ ปี  คือ ๒๔ เดือน วันชนวัน  ในปีแรกก็คงจะร่วมทำงานร่วมกันในการจะสร้างข้อเสนอผ่านกระบวนการเรียนรู้และวิจัย ให้ได้องค์ความรู้ต่าง ๆ แล้วก็เสนอไปยังหน่วยงานที่กล่าวไปเมื่อครู่นี้นะครับ

ประเด็นปัญหาที่จะนำไปสู่การปฏิรูปครูทางสภาคณบดีฯ มองปัญหารวม ๆ กว้าง ๆ เรื่องอะรบ้าง

                เวลานี้เรื่องของครูนะครับ ปัญหาใหญ่หลักคือคุณภาพการศึกษา ซึ่งจริง ๆ แล้วปัจจัยที่ทำให้เกิดการพัฒนา การศึกษามากกมายแต่ว่าปัจจัยที่สำคัญมาก ๆ  ซึ่งตอนนี้หลายฝ่ายคิดเห็นตรงกันคือ เรื่องของครูนะครับ เรื่องของครูที่ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมจากเดิม ศตวรรษที่ ๑๙ – ๒๐ ให้เป็นครูที่สอดคล้องการการเปลี่ยนแปลงของสังคมของเศรษฐกิจของวิทยาการเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงของโลกทุกวันนี้ต้องเปลี่ยนไป นั่นก็คือคุณภาพของครู คุณภาพของการจัดการเรียนการสอนนั่นคือ ครูปัจจุบันครูที่อยู่
แต่ว่าครูใหม่ เรามองอยู่วันนี้ปัญหาใหญ่อยู่ที่ต้องการหาคำตอบอยู่วันนี้คือจะผลิตอย่างไร ให้มีปริมาณและคุณภาพ ให้สอดคล้องกับความต้องการของการใช้ครู ให้สอดคล้องกับความต้องการของสังคมที่ต้องการใช้ครู
มีคุณลักษณะ มีทักษณะ มีความความรู้อย่างไร อันนี้คือโจทย์ใหญ่ของเรื่องการผลิตครู
ย้ำอีกทีคือผลิตอย่างไรให้ให้มีปริมาณมีคุณภาพสอดคล้องกับคุณภาพทั้งในแง่ปริมาณ และคุณภาพที่สังคมต้องการ

อาจารย์ที่ดูบรรยากาศเรียนครูปีนี้ ของนักเรียนมัธยมที่สอบเข้า อาจารย์มองบรรยากาศปัจจุบันกับอดีต เท่าที่อาจารย์สัมผัสมีแตกต่างกันไหมอย่างไร

                ผมเรียนตามตรงนะครับเมื่อครั้งผมเรียนครูเป็นครูมา อาจจะบังเอิญมีเรียนที่เดียวกันกับที่กำลังทำงานอยู่ปัจจุบันนะครับ ผมคิดว่าปัจจุบันนนี้มรความพยายามที่มาก มากที่จะพยายามเป็นครูมาก  จากตัวผมเป็นนักศึกษาครูมาก่อนแล้วมาเป็นอาจารย์นี่ผมคิดว่าวันนี้นี่ เราได้ใช้ความพยายามแล้วเอาใจใส่เรื่องการผลิต สูงกว่าในยุคนั้น พูดถึงสภาพบรรยากาศและอะไรหลายอย่างดีกว่า
                แต่ว่าจะต่างกับผู้รับผิดชอบในมหาวิทยาลัย เดิมสมัยนั้นไม่ว่าวิทยาลัยครูหรือวิทยาลัยวิชาการการศึกษา(มศว.) นี่ ทำหน้าที่หลักคือผลิตครู เพราะฉะนั้นผู้บริหารสูงสุด ผู้บริหารระดับไหนก็ตาม รวมทั้งคณะจารย์ครูอาจารย์ทั้งหลาย ก็จะใช้พลังกายการสติปัญญาทั้งหลายเพื่อการผลิตครู รถทุกคันในมหาวิทยาลัยเพื่อการผลิตครู
อันนี้คือความได้เปรียบในยุคนั้น อาจารย์ทุกท่านผ่านการเรียนครูมา แต่วันนี้จะต่างกันคือกลายเป็นมหาวิทยาลัยยักษ์ใหญ่ไปกันหมด ก็มีทุกสาขาทุกแห่งก็มุ่งที่จะผลิตแพทย์เป็นเป้าหมายสูงสุด ซึ่งในที่สุดคณะครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ก็เป็นคณะเล็ก ๆ ในมหาวิทยาลัยไป อันนี้รวมถึงคณะครุศาสตร์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏด้วย ซึ่งมีคณะมากมาย ๗-๘ คณะวิชา บางแห่งก็ ๙-๑๐ คณะวิชา
อันนี้ก็จะต่างจากอดีตนะครับเพราะฉะนั้นคณะครุศาสตร์ ศึกษษา ก็ต้องใช้พลังในการประสานงานในการสร้างความร่วมมือที่ดีซึ่ง เป๋นงานที่หนักหน่วงมากครับ

เท่าที่ดูนักเรียนเข้ามาเรียนดูจะสวนทางกับอดีตไหม

                มาดูคนเข้าเรียนประมาณ ๓ ปีที่ผ่านมามีแนวโน้มสูงขึ้นก็ชัดเจนมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่ปีที่แล้ว ปีนี้ด้วย มีคนมาเรียนถ้าเราดูในระบบเอดมิสชันส์ คะแนนก็จะสูงกว่าคณะวิชาอื่นในสาขาที่ใกล้เคียงกัน หรือเรียนในวิชาหลักเราค่อนข้างจะสูงกว่า และสูงกว่าสาขาอื่นในราชภัฏ ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ก็เป็นกลุ่มที่เรียกว่าเป็นกลุ่มกลาง ๆ กลุ่มที่เรียนดีกว่านี้ก็ไปเรียนด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ หรือนิติศาสตร์

ข้อมูลการขนาดครูสาขาต่าง ๆ ๘๐ สาขา ทาง ส.ค.ศ.ท.คิดกันอย่างไร

ผมคิดว่าตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นนั้น ผมคิดว่าขณะนี้ยังสับสนกันอยู่ แต่เวลาเข้ามาบีบคั้นมาก มันยังสับสนกันอยู่เรื่องขาดแคลนนี่แหละ ถ้า ๘๖ สาขาที่ขาดแคลนขณะนี้ก็มีสาขาเปิดอยู่ มากกว่าครึ่งประมาณ ๓๐ - ๔๐ สาขา มีเปิดสอนอยู่แล้วแต่เขามักจะพบว่าขาดแคลน  เขาจะขาดแคลนเมื่อเขารับเป็นครูอัตราจ้าง ครูพนักงาน ครูจ้างที่ไม่จูงใจ และก็ไม่มั่นคงในชีวิตการงาน
เป็นครูในโครงการต่าง ๆ ครูที่มีใบประกอบวิชาชีพเขาก็ไปเข้าเป็นข้าราชการ ครูตรงนี้ก็ขาด
แต่คนละประเด็นกัน เวลานี้โรงเรียนเหล่านั้นก็เอาคนที่ไม่มีวุฒิครูไปสอนอยู่แล้ว แต่ว่าเป็นปัญหาของการบรรจุเป็นข้าราชการครู ตอนนี้ที่เขาเปิดว่าต่อไปนี้สามารถรับราชการครูได้ แต่เป็นสาขาที่ขาดแคลนเขามาไม่ได้ แต่เรียนว่าถ้าเป็นข้าราชการครูจะมีผู้สมัครเป็นจำนวนมากขอบัณฑิตที่มี และวันนี้ก็มีบัญญชีอยู่เยอะ ก็มีเพื่อนครูมาร้องเรียนเหมือนกันว่าสาขาเขาไม่ได้ขาดแคลนนะขึ้นบัญชีเป็น ๑๐,๐๐๐ ก็มี เป็น๑๐๐ ก็มีขาดแคลนอัตราที่เป็นข้าราชการครูในอาชีวะ เพราะฉะนั้นเมื่อประกาศเป็นอัตราจ้างอย่างไร ก็จะไม่มีคนไปสมัครสักเท่าไหร่ เห็นเหมือนขาดแคลน แต่ก็มีสาขาที่ขาดแคลนจริงแต่น้อยมาก ซึ่งถ้าต้องการจริงก็้องวางแผนไว้ ๕ -ปี เพื่อเราผลิตครูใช้เวลา ๕ ปี

ตอนนี้กระบวนการเข้าเป็นครูตอนนี้ฟังดูเหมือนจะยากมีการประเมินเริ่มจากครูผู้ช่วยก่อน

อ๋อ...ตรงนั้นคิดว่าไม่ใช่ประเด็นนะ เพราะการเป็นครูผู้ช่วยก็เป็นครูนั้นแหละเข้าสู่ระบบราชการแล้ว ก็เป็นตำแหน่งเหมือนกันก็เหมือนผู้ช่วยผู้พิพากษาอะไรทำนองนั้น
แต่ตอนนี้บัณฑิตครูเข้าไปประกอบวิชาชีพเหลื่อมล้ำมากมาย ระบบที่ยอมรับว่าดีที่สุดคือการเป็นครูผู้ช่วยซึ่งก็มีข้าราชการครูมีระบบวิทยะฐานะ มีค่ารักษาพยาบาลเลี้ยงดูบุตร บุพการีรักษาพยาบาลได้มีความั่นคงอันนี้
  การเข้าตรงนี้การยากคือคนแข่งขันกันสูงและมีการทุจริตการสอบแล้วเป็นอ่างโจ่งครึ่ง แล้วคนในกระทรวงบอกว่าทุจริต ๑,๐๐๐,๐๐๐  เปอร์เซ็นต์ แต่วันนี้เราก็พบว่าไม่มีการลงโทษ
เพราะฉะนั้นตรงนี้ว่าอยากไหม ก็บอกว่ายาก นอกจากเก่งแล้วต้องมีเงินใช่ไหม แต่ก็มีเหมือนกันที่บางเขตพื้นที่บางสาขาวิชาที่เขาเชื่อมั่นว่าไม่ทุจริต แต่ว่ามากเหลือเกินที่ทุจริต

ดูความเห็นของอาจารย์ก่อนหน้านี้กังวลเรื่องภาระหน้าที่ครูด้วย แนวทางแก้ปัญหานี้อย่างไรครับ

ผมขอเรียนว่าห้องเรียนจะมีประสิทธิภาพต้องมีครูคุณภาพ นักเรียนจะมีคุณภาพไม่ได้ถ้าครูไม่มีคุณภาพ เพราะฉะนั้นครูจะมีคุณภาพก็ต้อมีเวลาเตรียมการสอนเลือกสื่อ เลือกหนังสือ ตำรา เสิร์ตเว็บไซต์ที่เป็นประโยชน์ แล้วก็สอนในห้องเรียนที่มีปัจจัยสนับสนุนมีปริมาณนักเรียนที่เหมาะสม
ผมก็มองว่ามี ๒ อย่างที่คิดกันวันนี้ คือ
๑ จะช่วยครูให้เขาทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ได้อย่างไร มีปัจจัยอะไรที่เรียก ที่ล่อ ที่ดึง ที่เรียก ที่เชิญ ที่บังคับให้เขาออกจากห้องเรียนหนีไปจากการเรียนการสอน และทำอย่างไรให้เขาอยู่สนับสนุนให้มีคุณภาพ ซึ่งไม่ใช่การให้กำลังใจเชิดชูกัน เท่านั้นเป็นเรื่องของกลไก กฎหมาย  การบังคับบัญชา การกำหนดความดีความชอบ ที่เป็นตัวชี้ทิศทางหรือแม้นแต่ตัวหลักสูตร ก็เหมือนกันชี้การทำงานของครูชี้การทำงานของครู ทำไมครูทำงานไม่ได้ก็เพราะสิ่งนี้

๒ ครูทุกคนต้องตื่นฟื้นจิตวิญญาณของตัวเองขึ้นมา ทวนกระแสเหล่านั้นทวนกลไกลเหล่านั้น ให้อยู่ได้แต่ทำอย่างไรให้ทวน  ซึ่งในยุคหนึ่งครูดี ๆ หลายคนเขาเรียกว่าครูนอกคอก แต่วันนี้เราคงไม่เรียกครูนอกคอก แต่เรียกครูนอกกรอบ ครูที่สามารภสร้างจิตวิญญาณให้กับแตัวเองแล้วมีจิตวิญญาณ แบ่งเวลาหนีออกจากสิ่งที่ล่อให้ไปไขว่คว้ามาให้ได้

สุดท้ายถึงนักเรียน หรือผู้ปกครองที่อยากส่งบุตรหลานเข้าสู่อาชีพครู

สภาคณบดีคณะครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ฯ  มีความพยายามที่เข้ามาเป็นองค์กรที่เข้าด้วยอุดมการณ์ไม่มีงบประมาณสนับสนุนจากภาครัฐอะไรทั้งสิ้น มีแต่การเสียสละของคณบดีคณะครุาสตร์ ศึกษาศาสตร์ ที่มาร่วมรวมระดมทรัพยากรขึ้นมาก็ถือว่าเป็นที่เหมือนเป็นภาคประชาชน ภาคประชาสัมคม เพราะว่าความเห็นของเราเขาจะเอาด้วยหรือไม่เอาด้วยก็ได้ เราเพียงเป็นเหมือนสภาวิชาการ กระบวนของสังคมที่จะหาข้อสรุป หาผลึกองค์ความรู้ที่ชี้นำ ด้วยเหตุผลมีข้อมูลอย่างเพียงพอ ซึ่งก็เหมือนเพิ่มและพัฒนาคุณภาพการศึกษา ซึ่งนั่นก็คงหมายถึงคุ้มคงผู้บริโภค ผู้ปกครองหมายถึง ผู้ปกครองของนักเรียนทั่วไป คนที่กำลังจะลูกมีอะไรที่เราจะฝาก ถึงได้รับการบริการจากครูที่มีคุณภาพ
ส่วนผู้ปกครองของนักเรียนที่จะเข้าเรียนครูเป็นนักศึกษาครูนี่ผมก็บอกว่าขอให้เชื่อมั่นศรัทธา เพราะวันนี้คณะครุศาสตร์ คณะศึกษาศาสตร์จะพยายามพัฒนาคุณภาพของเขา
แต่ว่ายังไม่ชัดเจนเรื่องการขาดการเกินบางสาขา บางสาขาอาจจะเกิน ซึ่งเราสามารถจะแก้ได้ สาขาไหนเกินเราก็สามารถเพิ่มสมรรถณของเขาขึ้นไป สามารถที่จะประกอบอาชีพอื่นก็มีมากมายซึ่งก้ไม่ต่างจากบัณฑิตสาขาอื่นยังไม่มีใครตรวจสอบเลยว่าทำงานมากน้อยแต่ไหน แล้วมีผู้เรียนเกินหรือขาดตามความต้องการ เพราะฉะนั้นในกระแสที่เขาสำเร็จการศึกษาชั้นมอปลายมานี่เขาก็เลือกนะ
ผมก็รู้ว่านักเรียนที่จบ ม.๖ ที่ตัดสินในมาเรียนครูนี่ เขาทราบดีว่าเรียนสาขาอื่นด้านสังคมศาสตร์ หรือสาขาที่ต่ำกว่าวิทยาศาสตร์สุขภาพนี่ตำแหน่งงานน้อยมากหลักสิบ แต่วันนี้ตำแหน่งครูที่รองรับนับแสนนะครับ ใน ๕  ปีนี้ -แต่ก็มีอะไรหงุดหงิดเหมือนกัน เพราะไหนจะเอาครูต่างชาติเข้ามาบ้าง เอาคนเรียนสาขาอื่นเข้ามาบ้าง แต่ก้ถือว่าเป็นเรื่องท้ายทายว่าทำอย่างไรให้สังคมยอมความเป็นครูของเราและยอมรับตัวเองว่าต้องกอบกู้เกียรติยศศักดิ์ของครูไทยขึ้นมา

“โรงเรียนวัดเฉลิมพระเกียรติ” ; สอนด้วยความใส่ใจ สร้างสายใยครอบครัวครูและศิษย์

เรื่อง : ศึกษา  สังฆกรรม  /  Fadhill Creative Studio  : ภาพ


ถ้าย้อนกลับไปสู่อดีตสมัยต้นรัตนโกสินทร์วัดเฉลิมพระเกียรติ ดูจะง่ายต่อการไปมาหาสู่ของผู้คนด้วยการเดินทางมาทางน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยามีท่าเทียบเรือขึ้นมาไหว้พระทำบุญได้สะดวก 

...ปัจจุบันเมื่อมาทางบกเส้นทางลัดเลาะที่ถนนที่ตัดขึ้นใหม่ทำให้เข้าไปยังวัดฯใช้เวลาไม่มากนัก ไม้สูงใหญ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมทั่ววัด เมื่อบ่ายหน้าไปทางขวามือเดินผ่านประตูเล็กมีถนนคอนกรีตกั้นแยกพื้นที่ระหว่างอาณาบริเวณแยกกัน ก็พบอาคารเรียนสร้างขึ้นสลับไม้ดัด จัดสร้างแถวเรียงหน้าหันมามายังวัดประตูรั้วสแตนเลสรอบโรงเรียนสะอาดเย็นตารับสายฝนในช่วง 7 โมงเช้า...ที่นี่คือโรงเรียนวัดเฉลิมพระเกียรติ(พิบูลบำรุง)

คณะของเราได้รับการต้อนรับจาก ดร.พรพรรณ อินทรประเสริฐ (คศ.4) ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดเฉลิมพระเกียรติ พร้อมอธิบายความเป็นมาของโรงเรียนฯ
โรงเรียนวัดเฉลิมพระเกียรติ(พิบูลบำรุง)เปิดการสอนมา 80 กว่าปี เปิดสอนครั้งแรกใน พ.ศ. 2476   โดยมี  นายจำลอง ยวดลาด เป็นครูใหญ่ โดยเปิดทำการสอนตั้งแต่ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 4  ต่อมามีการขยายพื้นที่โรงเรียนโดย ท่านเจ้าคุณพระปรีชาเฉลิม  เจ้าอาวาสวัดเฉลิมพระเกียรติ ได้ชักชวนประชาชนร่วมกันบริจาคเงิน เพื่อซื้อที่ดินด้านทิศใต้ของวัดเฉลิมพระเกียรติ  จำนวน 2 ไร่  1 งาน  88 ตารางวา  เป็นที่ก่อตั้งอาคารเรียนถาวรหลังแรกขึ้น  โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก จอมพล  ป.  พิบูลสงคราม  โดยใช้เงิน กศศ.( กองสลากกินแบ่งรัฐบาล)  จำนวน 1,000,000  บาท สร้าง ตึกเรียน  2  ชั้น  8  ห้องเรียน 
และ พ.ศ.2540 โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนปฏิรูปการศึกษา ตามโครงการปฏิรูปการศึกษา ของกระทรวงศึกษาธิการ ในปีถัดมาเจ้าอาวาสวัดเฉลิมพระเกียรติ  เจ้าคณะจังหวัดนนทบุรี   ได้พัฒนาอาคารสถานที่ของโรงเรียนวัดเฉลิมพระเกียรติ โดยบริจาคทรัพย์ก่อสร้างอาคารเรียน  
“โรงเรียนสวยงามร่มรื่นก่อนมาดิฉันมาบริหารที่นี่  เพราะพระธรรมกิตติมุณีท่านเห็นความสำคัญของการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ เดิมโรงเรียนเป็นโรงเรียนไม้ หันหน้าออกแม่น้ำเจ้าพระยา ท่านลงงบประมาณประเมิน 100 ล้านบาทสร้างตึกตลอดเวลาสร้างอาคารอนุบาลริมน้ำ”  ผอ.กล่าวก่อนกล่าวถึงแนวทางการบริหารโรงเรียน

กิจกรรมสานสายใยครอบครัว

สภาพโดยทั่วไปของนักเรียนเกือบ 1,000 คน ตั้งแต่ชั้นปฐมวัยถึงประถมศึกษาปีที่ 6 อาศัยอยู่ในชุมชนแออัดฐานะทางเศรษฐกิจยากจนครอบครัวแตกแยก รวมทั้งเป็นครอบครัวอพยพเพื่อหางานทาในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล 
การจัดทำกิจกรรมเพื่อเติมเต็มจึงจำเป็น นวัตกรรมที่โรงเรียนต้จัดทำขึ้นการบริหารในรูปแบบที่สามารถส่งเสริมสนับสนุน  ให้ความช่วยเหลือในการพัฒนาและสร้างความรู้สึกว่าโรงเรียนเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองที่ให้ความ อบอุ่นและสามารถดูแลช่วยเหลือนักเรียนได้ในทุกเรื่อง 
จากการวิเคราะห์ ด้านบริบทของภาวะแวดล้อมของนักเรียนและสังคมที่นักเรียนต้องเผชิญ โรงเรียนจึงได้จัดทำนวัตกรรมการบริหารระบบ ดูแลช่วยเหลือมูลเหตุการนำโครงการการจัดกิจกรรมสานสายใยครอบครัวครูและศิษย์ มาใช้เพราะ ผอ.พรพรรณ อินทรประเสริฐ เคยเป็นผู้บริหารโรงเรียนวัดทางหลวงโพธิ์ทอง อีกแห่งก่อนย้ายมานี่ 
ประสบการณ์การบริหารที่นี่ท่านเล่าว่าแม้นตัวเองจะเกิดมาให้ครอบครัวพอมีฐานะ (เป็นบุตรสาวของ ดร.สนั่น  อินทรประเสริฐ อดีตอธิบดีกรมพลศึกษา) 
แต่เมื่อประเทศเจอประสบการณ์ตรงด้านเศรษฐกิจยุคต้มยำกุ้ง ส่งผลกระทบมาถึงนักเรียนโรงเรียน ทำให้ภาพโลกสวยในฐานะผู้บริหารเปลี่ยนไป เมื่อตัวเองได้พบความจริงบางประการ
“เริ่มเป็นผู้บริหารดีเด่นจากโรงเรียนทางหลวงโพธิ์ทองได้จากการเอาใจใส่เด็ก เราถึงแม้นมาจากครอบครัวมีฐานะ แต่พอเราสัมผัสเด็กนี่เขาไม่มีเลย ตอนนั้นมีปัญหาด้านเศรษฐกิจ ก็เกิดคนรวยที่แทบล้มสลายส่งลูกเข้ามาเรียนเข้ามา 
...คนรวยที่เคยรวยเข้ามาก็เกิดปัญหา  เด็กที่เคยเรียนโรงเรียนเอกชนก็มาเรียนโรงเรียนวัด พ่อแม่เขาก็เกิดปัญหาทางด้านจิตใจ ก็ทำร้ายลูกเราก็เลยไปที่บ้านเลย ตามไปดูที่บ้านตามไปช่วยเหลือเด็ก ก็เลยเกิดแนวคิดว่า...เราน่าจะทำกิจกรรมครอบครัวสัมพันธ์ ให้ครูเป็นพ่อแม่เด็กรับเด็กให้อยู่ในการปกครองของตัวเองประมาณครูคนหนึ่งจะได้ลูกประมาณ 10 กว่าคน พูดคุยกับเด็ก
ก็จะทราบว่าเมื่อเด็กมีปัญหาครูก็ปรึกษาครู  เพราะว่าแม่ไม่อยู่แม่หนีไป เพราะว่าพ่อดาว์นลง พ่อก็เกิด ทำร้ายเด็ก ไม่ให้เด็กโรงเรียนบ้างอะไรบ้าง 
ช่วงนั้นเกิดปัญหา วิกฤตทางเศรษฐกิจเราก็ทำนวัตกรรมสานสายใยครอบครัวจนมาถึงปัจจุบัน ทำเรื่อยมาจนมาบริหารที่นี่ นำนวัตกรรมนี้มาใช้ยังโรงเรียนวัดเฉลิมพระเกียรติ และก็ส่งผลงานเป็นส่วนหนึ่งของการส่งโรงเรียนวิถีพุทธพระราชทาน”
ปลูกผังเรื่อง “เบญจขันธ์”ตั้งรับการใช้ชีวิต

ดร.พรพรรณ อินทรประเสริฐ (คศ.4) ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดเฉลิมพระเกียรติ
ควบคู่ไปกับกิจกรรมสายใยครอบครัวที่นำครูเป็นมาเป็นพ่อครูแม่ครูแล้ว การสอดแทรกคุณธรรม จริยธรรมโดยปลูกผังเรื่อง “เบญจขันธ์” ก็เป็นกลวิธีหนึ่งที่ผู้บริหารที่นี่มองไปถึงการสร้างเด็ก
เพราะสภาพปัญหาไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางด้านสุขภาพและ ด้านสติปัญญาทั้งปัญหาที่มาจากตัวเด็กเองและจากผู้ปกครอง และครอบครัว ของเด็ก ปัญหาจากตัว เด็ก คือ การขาดความสามารถในการเรียนรู้ ขาดระเบียบวินัย ไม่รู้จักตนเอง ติดเกม สมาธิสั้นและ ขาดความอดทน มีปัญหาทางด้านจิตเวช ส่วนปัญหาของผู้ปก ครองที่ส่งผลถึงเด็กคือการขาดความรู้
  โดยนวัตกรรมนี้สายใยครอบครัวจึงทำควบคู่ไปกับจริยธรรมแบบเบญจขันธ์
เบญจขันธ์เป็นรูปแบบหนึ่ง ซึ่งใช้หลักการยืดมัน ในขันธ์ 5 ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาณ 
“นักเรียนจะได้เรียนรู้ปลูกฝังตามขั้นตอน 5 ขั้นตอน นำมาประยุกต์ใช้ในระบบ ดูแลช่วยเหลือนักเรียน ด้วยการสร้างความไว้วางใจ ความอบอุ่น ความห่วงใย การ ดูแลช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การอบรมคุณธรรม จริยธรรม การรับรู้และการแก้ไขปัญหา เสมือนโรงเรียนเป็นบ้านหลังท่ี สองของนักเรียน มีผู้อำนวยโรงเรียน รองผู้อำนวยการ และครูปฏิบัติตนเสมือนเป็นพ่อและแม่ ของ นักเรียน อยู่ในโรงเรียนกันด้วยความรักและผูกพันกัน นักเรียนปฏิบัติตนเสมือนลูก มีสิทธิเลือก ครูพ่อ และครูแม่ของตนเองได้
นักเรียนมีคุณธรรม จริยธรรมและค่านิยมที่พึงประสงค์ หมายถึง นักเรียนมีวินัยมีความรับรับผิดชอบ ละปฏิบัติตนตามหลักธรรมเบื้องต้นของศาสนาที่ตนนับถือ มีความซื่อสัตย์สุจริต มีความกตัญญูกตเวที มีความเมตตากรุณา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และเสียสละเพื่อส่วนรวม มีความประหยัด รู้จักใช้ทรัพย์ส่ิงของ ส่วนตนและส่วนรวมอย่างคุ้มค่า มีความภูมิใจในความเป็นไทย เห็นคุณค่าภูมิปัญญาไทย นิยมไทย และดำรงไว้ซึ่งความเป็นไทย”
...และถึงวันนี้ผลงานประกวดโรงเรียนวิถีพุทธพระราชทาน ประกาศโรงเรียนวัดเฉลิมพระเกียรติ (พิบูลบำรุง) เป็น 1 ใน 27 โรงเรียนทั่วประเทศ
“โรงเรียนวิถีพุทธประกอบด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม 
เราทำงานตามปกติไม่เน้นว่าจะเน้นด้านโน้นด้านนี้  แต่ว่าทำงานเน้นกระบวนการเพื่อสร้างเด็กให้เป็นคนดีของสังคม ไม่เป็นปัญญาของสังคมอยู่กับสังคมได้อย่างมีความสุข 
เราไม่อยากจะเน้นว่าเด็กจะต้องเรียนเก่ง ต้องสอบโน่นนี่ได้แต่ขอให้เป็นคนดีที่จะรู้จักอ่านหนังสือเพื่อเติมรู้จักหากิจกรรมที่จะสร้างรายได้กิจกรรมระหว่างเรียน ตรงนี้เป็นพื้นฐานให้เขาไปประกอบอาชีพคือทุกคน” 
ผอ.พรพรรณกล่าว ก่อนพาคณะเราไปเยี่ยมชมแปลงต้นไม้ ผักสวนครัว ที่ดูแลร่วมกันระหว่างพ่อครูแม่ครูกับลูกๆ โรงเพาะเห็ด อาคารเรียนอนุบาลที่ทันสมัย และสักการะอนุสาวรีย์ของรัชกาลที่ 3  ซึ่งประดิษฐานติดกับสวนภูมิรักษ์ เฉลิมพระเกียรติ และอุทยานเฉลิมกาญจนาภิเษก บรรยากาศร่มรื่นเงียบสงบ ลมพัดเย็นตลอดเวลาผ่านแม่น้ำเจ้าพระยาที่อยู่เบื้องหน้า 




ช่อดอกไม้...ให้ด้วยยินดี : ประจำเดือนมกราคม 2559

โดย
สหายประจำซุ้ม


ในโอกาสวันครู ประจำปี 2559 คุรุสภาประกาศเกียรติครูผู้สอนดีเด่น จำนวน 2,324 คน เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติผู้ประกอบวิชาชีพ ในจำนวนมีครูอาชีวศึกษารวมอยู่ จำนวนหนึ่ง ดังนี้  ขอแสดงความยินดีด้วยตามรายนามดังนี้ 

กรุงเทพฯ : นางชนาพร  สินติกุล พ.น/ นายพิชิต  แก้วหาดี นางวรรณา  ตันเทียว นางสาวอัจฉรา  ตั้งพระประเสริฐ  วอศ.เสวภา / นางสาวอมรรัตน์  กรีธาธร  พ.ต.
นางสาวอมรรัตน์  กรีธาธร  ครูบัญชีจากวิทยาลัยพาณิชยการเชตุพล

กาญจนบุรี :  นายพรณรงค์  ขจรกลิ่น วก.กาญจนบุรี / นายวรภพ  ไพรวัลย์  นางสาวรัชนี  สุขก่ำ วช.กาญจนบุรี

กำแพงเพชร  : นายณัฐพงศ์  ศรีโพธิ์  นางสาวพนมรุ้ง  พูนใจสม  นางสีฟ้า  วุฒิ  วษท.กำแพงเพชร

ขอนแก่น : นายกิตติ์กาญจน์  ปฏิพันธ์  วอศ.ขอนแก่น / นายณรงค์ชัย  โพนงาม   วก.บ้านไผ่

จันทบุรี :  นายธนเสฏฐ์ ภารดีรุจิรา  นางนราธิป  วิชัยดิษฐ์  นายเมธา  โยธาฤทธิ์  นายสยาม  ปั่นธรรม นายอนุชิต  วงษ์สกุล  วท จันทรบุรี

ชัยภูมิ : นางวิภา  คุณอุดม  วษท.ชัยภูมิ / นายสมพงษ์  มณีวรรษ  วท.ชัยภูมิ  / นางลภัสรดา  ตันมณี  วิทยาลัยเทคโนโลยีชัยภูมิบริหารธุรกิจ

ชุมพร : นางกุศล  พรผดุงธรรม  นายวันชัย  พราหมณ์มณี  นางศุภลักษณ์  หลวงนา  นายสุพภกิต  พรหมขุนทอง  วท.ชุมพร

เชียงราย :  นายธนิศร์  พันธุ์ประยูร  วก.เชียงราย

เชียงใหม่ : นางศรีพรรณ  เผ่าบุญเสริม นายโอภาส  ชมชื่น  วอศ.เชียงใหม่ /  นายหงษ์คำ  อินใจ  วท.เชียงใหม่ / นางสาวเอื้อมพร  ธาตุทำเล  วิทยาลัยเทคโนโลยีโปลิเทคนิคลานนาเชียงใหม่

ตรัง : นางประภาวรรณ  บัวเพชร  นายวิชาญ  หาญณรงค์  วก.ห้วยยอด

ตราด : นายธีระชัย  รัยวรัก  นางสุมาลี  กล้าหาญ วท.ตราด

นครนายก : นางสาวเกณิกา  หมื่นเตียง   นางวรกมล  ภูมิภักดิ์  วก.องครักษ์ / นายประทีป  ระงับทุกข์  วท.นครนายก

นครปฐม : นายคมสัน  กลางแท่น  วท.นครปฐม

นครศรีธรรมราช : นางนุชนาถ  หนุมาศ  นางภาวนา  วัฒนา  นายรพีพัฒฯ์  พรหมดนตรี  นายสมพงศ์  วรรณถนอม  วอศ.นครศรีธรรมราช / นายสมมาตร บรรจงรัตน์  วท.นครศรีธรรมราช

นครสวรรค์ : นางสาวกฤษณา  บุญศิริ  วษท.นครสวรรค์

นนทบุรี : นายอำนาจ  เงินงามมีสุข  วท.นนทบุรี

น่าน : นายเอกรินทร์  ไชยวุฒิ  วท.น่าน

บุรีรัมย์ : นางผกากรอง  ใจเอื้อ วท.บุรีรัมย์

ปทุมธานี : นางสาวสายัน  จันทรา  นางสาวสุมาลี  เกตุรามฤทธิ์  วท.ธัญบุรี

ประจวบคีรีขันธ์ : นายธวัชชัย  นิตย์โชติ  วท.ประจวบคีรีขันธ์

พระนครศรีอยุธยา : นางอุษา  ผลเจริญ  วอศ. พระนครศรีอยุธยา / นายเบ็ญจรงค์  สัมมารส  วิทยาลัยเทคนิคพณิชยการอยุธยา

พะเยา : นางนนท์นารี  จับใจนาย  วษท.พะเยา / นายนิยม  จินมอญ  วทก.ปง / นางพรพิสัย  สีเทา  นางรุ่งนภา  วงวงศ์มูล  นางสาวอรวรรณ  ศรีแก้ว  วก.เชียงคำ

พังงา : นายธำมรงค์  ตันภิบาล นางสาวสุธรรม  บุญฮก  วษท.พังงา / นายยุทธนา  งามแสง  วก.ท้ายเหมือง / นายวุฒิวงศ์  เอียดศรีชาย วท.พังงา

พัทลุง : นางฐิญาณัฐ  ขุนเดช  นายณัฏฐ  รัศมีสุวรรณ์  วท.พัทลุง / นางสาวสุดารัตน์  เจยาคมฆ์  วท.ป่าพะยอม

พิจิตร : นายชลิต  พานทอง  วช.พิจิตร

พิษณุโลก : นายวิทยา  บุตรดา  วท.สองแคว

แพร่ : นายณเรศ  ชูภักดิ์  นายณิพัทธ์พงษ์  บุญมาลัย  นางสุกัลยาจันทร์จินดา วอศ.แพร่ / นายวุฒิชัย  คำมีสว่าง วก.สอง

มหาสารคาม : นางจุลจิลา  ปัตถะเมฆ  นางสาวนริศรา  ชูรา  นางสาวศริญญา  วรจันทร์  นางศิริกุล  วิมูลอาจ  วอศ.มหาสารคาม

มุกดาหาร : นางชยาภา  ขำคม  นางทัศนีย์  อุทัย  วก.นวมินทราชินีมุกดาหาร

ยโสธร : นางจารุณี  คณาจันทร์  นายเชิดศักดิ์  พินิตมนตรี  นายณัฐวุฒิ  มาตย์เหมือล วก.เลิงนกทา / นายวีระศักดิ์  สุวรรณเพชร  วท.ยโสธร

ยะลา :  นางจริยา  สุวรรณชาตรี  นายชาญณรงค์  แดงสุวรรณ  นางปุณชรัสมิ์  บุตรอินพรม  วช.ยะลา / นางสาวธิดายะห์  มะดะ  วก.รามัน / นางสมใจ  ถมมาลี  นายสิปนนท์  ชายแก้ว  วอศ.ยะลา

ร้อยเอ็ด : นายไชยรัตน์  ภูอาลัย  นางสาวมยุรี  คำโสภา  นางอังกาบ  ฤกษ์ดี วก.โพนทอง / นางนชนก  อุ่นเรือน  วอศ.ร้อยเอ็ด

ระยอง  : นางสาวทิพวรรณ  บุญเปรี้ยว  วท.มาบตามพุด / นางจิตติมา  แก้วทันคำ  นายชาตรี  ต่างสมปอง วิทยาลัยเทคโนโยลีไออาร์พีซี

ราชบุรี : นางจุฑามาส  เพ็งนิ่ม  นายธีรวิทย์  ภาชนะทิพย์  นางศรัญญา  สวัสดิ์มงคล  นายเสนาะ  ขุนประเสริฐ  วท.ราชบุรี

ลพบุรี : นางมณีรัตน์  รัตนผล  วษท.ลพบุรี

ลำปาง : นางวรรณนภา  ไกวัลอาภรณ์  วอศ.ลำปาง / นายวีระ  ทองทาบวงศ์  วก.เกาะคา

เลย : นายเกียรติศักดิ์  สุขทองสา  วท.เลย / นางสาววรนุช  วรินทรา  นางพธู  เนตยวิจิตร์  วอศ.เลย / นางสาวสุภารัตน์  เหมะธุลิน  วก.ด่านซ้าย

ศรีสะเกษ : นางณัฐิกา  สิมชมภู  นางมนัสนันท์  ศรีปริทัศน์ นางวิไลลักษณ์  ราญสระน้อย  นางสาวสุมาลี  เทพเกษตรกุล วท.ศรีสะเกษ /  นายวัฒนา  ทองเทพ วท.กันทรลักษณ์ / นางวาสนา  รักพรม  วก.ศรีสะเกษ

สกลนคร : นายชำนาญ  ไชยบุญ  นายปรีดา  มาหินกอง   วท.สกลนคร

สงขลา : นางจิราภรณ์  พันธุ์อำไพ  นายสรวุธ  จินดาเพ็ชร วอศ.สงขลา / นายอภิชา  หนูพันธ์  วท.หาดใหญ่

สตูล : นายลุ๊กมัน  โต๊ะฮีเล  นายศุภรัตน์  สองเมือง  วก.ละงู

สมุทรปราการ : นางกัญญาณัฐ  เอี่ยมสุรนันท์ นางจรรยา  ภู่ยอดยิ่ง นายรุ่งรุจ  เฉยศิริ  นางอภิกัญ  เลิศวาสนา  วช.สมุทรปราการ / นางนิตยา  พฤกษาชีวะ  นางสาวบุปผา  กองกลิ่น  นายศุภชัย  แก้วประดิษฐ์ วท.สมุทรปราการ / นายวานิตย์  แก้วสวัสดิ์  วก.พระสมุทรเจดีย์

สมุทรสงคราม : นายประเส:ริฐ  เทศพันธ์  นายรักชาติ  เถื่อนบุญ  วท.สมุทรสงคราม

สมุทรสาคร : นางเพ็ญศรี  วงศ์แสนเจริญดี  นางสาววรรณกร  สิทธิ์กลาง  วท.สมุทรสาคร

สระแก้ว : นายจักรวัติ  สอนแสง  นายวรเวก  เชื้อทอง  วช.วังน้ำเย็น

สระบุรี : นางธนวรรณ  กันตาภิรมย์  นายปิยะ  โกษา นายโสภณ  สุขพันธ์  วท.สระบุรี / นางปิยนันท์  พึ่งอารมย์  วอศ.สระบุรี

สิงห์บุรี : นางจิราพร  แสงนาค  วษท.สิงห์บุรี

สุโขทัย : นางจารุวรรณ  สุรงคพรรณ  นางจิตรเจริญ  เคหะวัฒกานนท์  นายสัญชัย  ปี่แก้ว  วอศ.สุโขทัย  / นายโพธิชัย  ศรีเดช  นายอนุชาติ  อินสด  วท.สุโขทัย 

สุพรรณบุรี :  นางพรสวรรค์  สระบัว   นายสุทธิ  อัมรินทร์  วอศ.สุพรรณบุรี / นายเริงศักดิ์  เข็มทอง  วก.อู่ทอง / นายสุธีร์  แบนประเสริฐ  วท.สุพรรณบุรี

สุราษฎร์ธานี : นางวรรณิภา  นิลวรรณ  นายสัมฤทธิ์  ทองพัฒน์  วอศ.สุราษฎร์ธานี

สุรินทร์ : นายธวัชชัย  รัฐสมุทร  นางนภาพร  เหล่าพิชิต  นางสุรางคนา  ถือคุณ  นางอรุณี  นาคสังข์ วอศ.สุรินทร์ / นางสาวนิภารัตน์  รักษ์คิด  วก.ศีขรภูมิ /  สิบเอกไพรัตน์  แก้วมารยา  นายสราวุฒิ  รักษาวงศ์  วก.สังขะ / นางสาวศิริกัลยา  ปัตตะชารี  วก.ประสาท

หนองคาย : นางนิรินดา  อาจเดช  วทอ.ต่อเรือหนองคาย

อ่างทอง : นางปิยนุช  หมายเจริญ   นายไพศาล  เอี่ยมมี  วท.อ่างทอง / นางสุคนธ์  เพ็งวิสาภาพพงษ์  วก.โพธิ์ทอง

อำนาจเจริญ :  นายศุภวิทย์  โกพล  นางสุกัญญา  ลุยพิมพ์  วท.อำนาจเจริญ

อุดรธานี : นางสาวนุ่มนวล  หาหลัก  นางเบญจวรรณ  บุ้งทอง  นางสรวงสุดา  แสนดี  วอศ.อุดรธานี / นางลำพรรณ  มานัส  วทอ.อุดรธานี / นางอัมพร  พจน์สมพงส์  วท.อุดรธานี

อุตรดิตถ์ : นางมาลัยวัลย์  วงศ์ใหญ่  นางศุภามาศ  โชคผ่องใส  นายสุเทพ  มั่นคง  นางสาวสุภาภรณ์  โตโสภณ  นางอรพิน  เกตุจันทร์  วอศ.อุตรดิถ์ / นายอภิสิทธิ์  ศรีจันทร์ทับ  ว.เทคโนโลยีอุตรดิตถ์

อุบลราชธานี :  นายณรงค์ ศรีธัญ  นางสาวสุนันทา เขียวนิล  วท.อุบลราชธานี / นางสาวธนพร บุญยนต์ นางศิรินณา ดอนชัย นางสาวสุมาลย์ ปราบพยัคฆา  วอศ.อุบลราชธานี / นายวสันต์ จัยสิน  วษท. อุบลราชธานี 
…ฉบับนี้รายงานเพียงแค่นี้พบกันใหม่เดือนกุมภาพันธ์  2559